วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

ตะลุยกินแหลก แจกเข้าไป กับอาหารต้นตำรับจากแดนอาทิตย์อุทัย ย่านสีลม

เนื่องด้วยเราไป take course TOEIC ที่ย่านสีลม ซึ่งจะรีวิวภายหลังเนอะ
เราคิดว่าแถวสีลมนั้นมีคนญี่ปุ่นมาอยู่ มาทำธุรกิจเยอะ ร้านขายเครื่องกีฬาก็มาก ร้านอาหารญี่ปุ่นก็เยอะ บาร์ก็เยอะเช่นกัน -*- เลยคิดว่าลองไปทานอาหารร้านต้นตำรับดูว่าเป็นเช่นไร เลยตามรอยร้านที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งหลายแนะนำ แต่ละร้านจะเด็ดดวงขนาดไหน ไปชมเลยจ้า

ปล ทุกร้านสามารถขอใบกำกับภาษีฉบับเต็มได้นะ แต่ตอนบล็อกนี้เสร็จคงไม่ทันแล้วแหละ แต่อย่างน้อยเผื่อใครพาลูกค้ามากินก็มีใบเสร็จมาเบิกบริษัทได้งี้

ปล นอกจากย่านสีลม ยังมีย่านสุขุมวิทอีกน๊าาา บางร้านเปิดหลายสาขา

ร้านแรก Osaka ohsho
Location : หลังตึกญาดา มีเกี้ยวซ่ายักษ์ตั้งอยู่ มีอร่อยเลิศบายคุณหรีดรับประกัน
Menu :
1. Ohsho set D 280 บาท ประกอบด้วยเกี้ยวซ่า 6 ชิ้น ราเมนโชยุ และซาฮัง
2. Green tea 50 บาท
Service : บวก service change 10% + vat 7% เพิ่ม




ร้านนี้มีที่ให้นั่งทานสองชั้น เนื่องจากเรามาคนเดียว ข้างล่างเต็ม เลยมาชั้นสอง เราว่าค่อนข้างแคบอยู่ ร้านเปิดเพลงญี่ปุ่นคลอไปตลอด ร้านนี้เขาว่าเด่นที่เกี้ยวซ่า สูตรส่งตรงจากโอซาก้าเลยทีเดียว มีสอง set menu ที่ลูกค้าสั่งกันเยอะ คือ set a เกี้ยวซ่า 12 ชิ้นพร้อมข้าว และ set d ที่เราสั่งมาทาน เพราะอยากลองหลายอย่าง ถ้ามาคนเดียว แนะนำ set a เนอะ เพราะน่าจะทานได้หมด ตัวเกี้ยวซ่าทอดกรอบด้านเดียวตามสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ แป้งบาง ไส้เป็นหมูผสมกับกะหลํ่าและขิง รสชาติเกี้ยวซ่าเราว่าเฉยๆอยู่ ตัวซาฮังหอมมากกกก หอมแบบไหม้ๆอ่ะ ใส่ผัก ใส่หมูชาชูชิ้นน้อยๆ อร่อยจริงๆ เกินหน้าเกินตาเกี้ยวซ่า ราเมงเป็นเส้นเล็กกลมสีเหลืองมาแบบออเดนเต้ หอมซุปโชยุ หมูชาชูมาแบบหมูสามชั้น อาจจะมันไปนิดนึง มีถั่วงอกแก้เลี่ยน แต่พอเย็นเส้นจะเริ่มนิ่มลงหล่ะ อร่อยอีกหล่ะ อร่อยเกินเกี้ยวซ่าไปหล่ะ ชาเขียวเป็นของพอตคา มาแบบกระป๋อง ไม่รู้หาซื้อที่ไหน เห็นแต่แบบหวาน แต่คุณหลอกดาว ในเมนูบอกมินิราเมน แต่มาบนโต๊ะ ไหนหว่ะมินิราเมน ปริมาณมาเต็มมาก ทำให้เราทานซาฮังและราเมนไม่หมด เสียใจมากๆ เจอราคาบวกเข้าไป ร้องไห้เลยยยย




ร้านนี้มีรุ่นพี่แนะนำ และเราเห็นว่าเป็นร้านเดียวในย่านนั้นที่พระเอกเป็นเกี้ยวซ่า
คะแนนเราให้ 3.5/5 หักเรื่องราคา บรรยากาศ และยังเฉยๆกับเกี้ยวซ่าอยู่

ร้านที่สอง Gold Curry Bangkok 


Location : หลังตึกญาดา เลยจากร้านเกี้ยวซ่าไปติ๊ดนึง ฝั่งตรงข้ามเป็นแชงกรีล่า เป็นร้านสีส้ม
Menu :
1. Omu Katsu Curry size SS 200 บาท
2. Water 20 บาท
Service : จริงๆมีนํ้าเปล่าฟรี เราพลาด 😫 สบายใจเพราะไม่ต้องจ่าย service change และ vat เพิ่ม มีแสตมป์สะสมแต้มด้วยนะจ๊ะ




วันที่ไปกินร้านเกี้ยวซ่า ร้านนี้คนเยอะมาก พอมาทานอีกวัน คนน้อยมาก ร้านนี้มี size ให้เลือก เห็นกันชัดๆว่าขนาดจริงเป็นเท่าใด มีตั้งแต่ไซส์ ss s m l xl xxl จนเมนูจานยักษ์ ข้าว 2, 5 และ 10 กิโลกรัม เมนู signature ของร้าน คือ ข้าวแกงกระหรี่หมูทอดทงคัตสึนี่แหละ แต่เราเห็นมีเมนูข้าวห่อไข่ด้วย นึกถึงร้าน omu ที่ยังไม่เคยเข้าไปทาน เลยสั่งเป็น Omu Katsu เหมือนสั่งอย่างเดียวได้สองอย่าง และทางร้านบอกว่าไข่เขานุ่มอร่อยมากๆ และเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบาง สั่งไซส์ ss พอหล่ะ



ซูมด้านในนิดนุงงง เครื่องแน่นมากจริงๆ


ระหว่างรอพนักงานเสิร์ฟซุปมิโซะ ซึ่งเราสามารถบริการตัวเอง ตักซุปเองได้เลย ติงตรงใส่ผักกาดขาว รสชาติเลยทะแม่งๆไปนิด สักพักเมนูที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟ มาพร้อมมีดเลย ตัวหมูทงคัตสึทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนเลย กรอบนอกนั่มในมากๆ ตัวไข่ก็นุ่มละลาย นํ้าแกงกระหรี่เข้มข้นมากๆ ซอสทงคัตสึจะเค็มนิดๆ มีผักกระหลํ่าซอยทานแก้เลี่ยน รสชาติโดยรวมนัวเข้ากันอร่อยดี เน้นตัว topping ด้านบน เหมือนข้าวจะน้อย แต่ไม่น้อยนะเออ เราทานจนหมด อิ่มแปร๋เลยจ้า อิ่มจนจุก 555

ร้านนี้คนแนะนำมาเยอะมากๆ เป็นร้านดังร้านนึง นอกจากในเรื่องรสชาติที่เทพแล้ว ยังมีแข่งกินอาหารจานยักษ์ด้วย
คะแนน : 4.5/5 หักซุปมิโซะ ใส่ผักกาดขาวทำไม 😫
สาขาอื่นๆ : สุขุมวิท 39

ร้านที่สาม Katsu Shin
Location : ซอยทานตะวัน สีลมซอย 6 บอกเลยว่าเดินมาจากฝั่งสีลมจะงงแต่ฝั่งสุรวงศ์จะมาง่ายกว่า ถ้ามาจากฝั่งสีลม มาดังนี้ ... เดินเข้าซอยหกมาเลยจ้า มาตรงๆ เจอทางตันอย่าตกใจ ตั้งสติไว้ก่อน



ตรงข้างหน้าเป็นศูนย์อาหาร ซึ่งไม่ใช่ที่หมายเรา เลี้ยวซ้าย เดินไปสักแปปแล้วเลี้ยวขวา


เจอภัตตาคารโคคาและราเมนเทอิก่อน


ร้านดูจะหายากนิดนึง เพราะเป็นห้องแถวห้องเดียว และแถบนั้น บาร์ทั้งนั่นจ้า แนะนำถ้ามากลางคืน ควรมีเพื่อนร่วมอุดมการกินไปด้วยนะ ร้านอยู่ฝั่งขวานะ เป็นร้านไม้ไผ่ๆอ่ะ


ร้านนี้คนญี่ปุ่นมาทานเนอะ ขอบสูบบุหรี่หน้าร้านกัน ถ้ายึดจุดนี้อาจจะหาไม่ยากก็เป็นได้


Menu : ปลาทรายขาวชุปแป้งทอด ราดหัวไช้เท้าฝนกับซอสพอนซึ 279 บาท เป็น set menu นะเออ
Service : พนักงานบริการดี ยังไม่ทันสั่งอาหาร ถามว่ารับชาเย็นไหมคะ โอเคหล่ะสบายค่านํ้าไปแล้ว ตอนทานเสร็จมาถามว่า ทานร้านมีบริการกาแฟ มีแบบร้อนกับแบบเย็น รับแบบไหนดีคะ โอ้ยดีอ่ะ แต่ไม่ได้รับกาแฟนะ เพราะเราทานแล้วมีปัญหาเลยเลิกกินไป ไม่บวกค่าบริการเพิ่มด้วยนะ




หลังจากตอนต้นที่แอบเล่าไป มีบริการผ้าเย้นไว้เช็ดมือก่อนทานข้าวเนอะ มีนํ้าชาเขียวรีฟิลฟรีบริการตลอด มันดีต่อใจมากจริงๆ ณ จุดนี้ ชาเขียวแท้ๆไม่ผสมนํ้าตาล ไม่ขมมาก ทานได้เรื่อยๆ มีผักยำมาทานก่อนชุดทงคัตสึของเราจะมา บรรยากาศเหมือนเราหลงไปญี่ปุ่นเลย มีคนมาทานเยอะมาก คนญี่ปุ่นเยอะมากสุดๆ เซฟก็ชาวญี่ปุ่น บริการแบบญี่ปุ่นด้วย เซฟที่นี่ทำงานไว รอไม่นานก็ได้ทานหล่ะ


ปลาทรายขาวทอดกรอบร้อนๆมาแล้ววว กรอบนอก ชุ่มใน มีเลม่อนบีบแก้เลื่อน มีไซ้เท้าและวาซาบิไว้ผสมกับนํ้าจิ้มพอนสึ ที่สั่งคิดว่าน่าจะแก้เลื่อนได้บ้าง มีกะหลํ่าปลีซอยบางๆ น่าจะด้วยเครื่อง คนน่าจะไม่ได้บางแบบนี้ มีมันบดด้วย อร่อย ทานกับข้าวญี่ปุ่น ต้องทานร้อนๆจะได้ไม่เลี่ยนและอมนํ้ามัน ปลาให้มา 3 ตัวนั่นแล เขาให้หัวไว้เท้าบดมาเยอะมากกกก เอามาจิ้มซอส เราว่าตัวซอสเค็มไปอ่ะ เค็มจัดเลย แต่ยังดีที่มีเลม่อน ทานสลับๆงี้ มีนํ้าซุปมิโซะมาให้ด้วยกันฝืดคอ

ร้านนี้มีเพื่อนใน Facebook check-in เยอะ ติดอันดับของ wongnai แถมเพื่อนแนะนำมาอีก จะพลาดได้ไง
คะแนน : 4/5 เราไม่ใช่สายทงคัตสึ ยังเลี่ยนๆอยู่นิดหน่อย พอนสึเค็มไปมาก

ร้านที่สี่ Ramen Tei 



Location : ซอยธนิยะ เลยตึกธนิยะนิดนึง ร้านอยู่ฝั่งซ้าย เลยยูชิดายะไปหน่อย ร้านมืดๆใหญ่ๆ
Menu : ราเมนซุปเกลือ 230 บาท
Service : นํ้าชาฟรี ไม่มีบวกเพิ่ม



ด้วยความที่ร้านราเมนเทอิ ข้างนอกมืดมากกกกก เราเข้ามาซื้อของเดินเล่นที่ซอยสุขุมวิท 33/1 บ่อย ยังสงสัย ร้านนี้ขายอะไร ขายราเมนหรอ ทำไมมืดจัง ดังนั้นเราจึงคลายความสงสัย เมื่อเดินเข้าร้านสาขาซอยธนิยะ ข้างในสว่างมากกก มาถึงพนักงานถามว่าจะนั่งที่เคาท์เตอร์หรือโต๊ะ เรานั่งที่เคาท์เตอร์ เพราะจะได้เห็นเซฟทางร้านปรุงอาหารงี้ ร้านมีนํ้าชาจีนฟรี และผ้าเย็นด้วย บรรยากาศการทำครัวมีมาตรฐานแบบไทยๆ เซฟผัดซาฮังได้น่าทานมากฮือออ ราดหน้าก็ดูน่ากิน เห็นตอนลวกเส้นราเมงด้วยอะไรด้วย ร้านนี้เมนูจะออกจีนๆหน่อย มีผัดเต้าหู้แบบร้านเกี้ยวเมืองจีนด้วย เกี้ยวซ่าก็มีนะ เรียกได้ว่าดูเซฟทำเพลินเลยจ้า สักพักราเมนที่สั่งไปอยู่ตรงหน้าแล้ว


นํ้าซุปเกลือสีขาวใส ไม่มันมากจนเกินไป รสชาติเค็มนิดๆค่อนไปทางจืดเลย หมูชาชูให้มาสองชิ้น นุ่มอร่อย ผักมีหน่อไม้ ขิงดอง ผักดอง ยังไม่โดนเท่าไหร่ มีกระเทียมทอดโรยหน้า เส้นแบบจีนเลย เหลืองๆกลมๆ แข็งนิดๆ ทานหมดแล้วยังไม่อิ่มเลยอ่ะ ค่อนข้างเฉยมากสำหรับเมนูนี้อ่ะ

ร้านนี้เจ้แนะนำมา และมีหลายสาขา เช่น ซอยธนิยะ สีลมซอย 6 สุขุมุวิท 33/1 
คะแนน: 3/5 ยังไม่โดนง่ะ คราวหน้าลองสั่งเมนูเต้าหู้ผัดแบบร้านเกี้ยวจีนน่าจะเริ่ด

ร้านที่ห้า Uchidaya Ramen




Location : ซอยธนิยะ เลยตึกธนิยะนิดนึง ร้านอยู่ฝั่งซ้าย ใกล้ราเมนเทอิ
Menu :

  1. Red Ramen 230 บาท
  2. เกี้ยวซ่าทอด 100 บาท
Service : นํ้าเปล่าฟรี สบายอีกหล่ะ ไม่บวก vat เพิ่มด้วยนะ

ร้านมีเมนู signature อยู่สองตัว คือ black กับ red ตัว black เราว่าคล้ายๆกับกันหลายเจ้า เลยสั่งตัว red ไป ซึ่งสองตัวนี้มีหลาย level ของ topping เพิ่มหมู เพิ่มไข่งี้ แน่นอนว่าเราไปชิมหลายร้านในเดือนเดียว กระเป๋าตังค์แห้ง เลยเลือกแบบถูกสุดแล้วกัน




ราเมนแดงมาแล้วววววว มีซอสพริกของเขาอยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยชาชูหนึ่งชิ้น เห็ดหูหนู ถั่วงอก ต้นหมอ และสาหร่าย เส้นเลือกแบบ medium รสชาติออกเผ็ดนิดๆ เค็มหน่อยๆ เส้นก็นิ่มกำลังดี เป็นเส้นกลมๆอีกเช่นเคย ทานเพลินมากๆ ไปๆมาๆหมูชาชูสุดนิ่มก็ละลายหายไปกับนํ้า -..- 


รู้ว่าทานราเมนแล้วไม่อิ่ม สั่งเกี๊ยวซ่าทอดมาเพิ่ม บอกเลยว่า มันดีงามมากๆ มาร้อนๆ ไส้หมูชุ่มฉํ่า เวลาทานระวังนิดนึงเดี๋ยวลวกปากเอาเนอะ แป้งบาง มีความกรอบที่กำลังดีเลยทีเดียว


ร้านนี้เซฟและพนักงานแต่งตัวรับเทศกาลเอามากๆ


ร้านนี้รุ่นพี่แนะนำมาฮะ
คะแนน : 3.5/5 ทำให้นึกถึงอิปุโดะ ที่รสชาติเทพกว่า ชาชูหนูหาย บริการยังไม่ดีเท่าร้านก่อนหน้านี้

ร้านแถม Ippudo Ramen


Location : central silom complex ชั้นใต้ดิน แต่เราไปกินที่ central embassy มา 
Menu :

  1. Shiromaru motoaji regular size 200 บาท
  2. ippudo hakata-style gyoza 99 บาท
  3. ชาเขียวเย็นรีฟิล 40 บาท
Service : เข้าร้านมาปุ๊ปยังกะอยู่ญี่ปุ่นอีกหล่ะ บริการดีน่ารัก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่บวกค่าบริการเพิ่ม

มีอยู่วันนึงทำธุระแถวนั้น แล้วหาร้านข้าวทานไม่ได้ มีแต่ห้างแอสแบรสซี่ เลยคิดว่าเลือกร้านถูกสุดแล้วกัน เห็นว่าร้านนี้ได้ TV Champion 3 สมัย คิดว่าชามนึงมากสุดคงสองสามร้อย และได้รางวัลขนาดนี้ น่าจะคุ้มค่าเงิน เลยเดินเข้าไปทานร้านนี้ ซึ่งที่ central embassy อยู่ที่ชั้น 3 ใกล้บันไดเลื่อน




เข้ามาพนักงานก็ต้อนรับอย่างแข็งขัน เราสั่งตัว Shiromaru motoaji ไป เพราะว่าเป็นเมนู signature ของทางร้านที่ได้รางวัลมาด้วย มีให้เลือกระดับเส้นแน่นนอนเราเลือก normal ไป เส้นสีเหลืองกลมๆ จะแข็งแต่ก็ไม่แข็ง จะนิ่มแต่ก็ไม่นิ่ม คือเส้นกำลังดีเลยหล่ะ ทานกับชาชูชิ้นใหญ่ ที่นุ่มกำลังดี พร้อมด้วยเห็ดหูหมูที่กรุบกรอบ และถั่วงอก กับต้นหอม มีราดนํ้ามันพริกเผานิดนึง มีกระเทียมให้เราบดเอง พร้อมทั้งขิงดองให้เราใส่แก้เลี่ยน นํ้าซุปไม่แน่ใจว่าเป็นนํ้าซุปไก่หรือเปล่า ค่อนข้างมันแต่หอมอร่อย


เกี้ยวซ่า จริงๆเราได้มาฟรีจาก samsung galaxy gift เพราะเราสั่งราเมน regular size มา เราเลยบอกพี่พนักงานรับสิทธิ์เลยจ้าา มาร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ไส้หมูฉํ่ามาก ใส่กะหลํ่าปลีและขิงพอหอม ตัวนํ้าจิ้มแปลกกว่าร้านอื่นๆ หอมนํ้ามันงาและนํ้ามันพริกเผาด้วย ทำให้นึกถึงร้านเกี้ยวเมืองจีนขึ้นมาเลย



คะแนน : 5/5 ชั้นจะติตรงไหนดีหว่า อร่อยเทพจนร้านอื่นจืดสนิท เทียบไม่ติดเลยทีเดียว คุ้มค่าคุ้มราคามาก
สาขาอื่นๆ : นอกจากสองสาขาด้านบน มีที่ emporium ชั้น 4 และ สาขาใหม่ไฟกระพริบ Terminal 21 ชั้นใต้ดิน

เรามารีวิวร้านอาหารญี่ปุ่นจากต้นตำรับมาจนครบแล้ว น่าทานทุกร้านเลยเนอะ
เมื่อกินอิ่ม หลับท้องตึง หนังตาหย่อน เอ้ยยย มีแรงมาทำงานต่อ

สวัสดีปีใหม่ 2560 นะคะ บล็อกนี้เนื้อหาจะเข้มข้นไปทาง developer มากขึ้นกว่าเดิมเนอะ 
แต่ไม่ทิ้งสาระอื่นๆด้วย

บล็อกตอนหน้าจะเป็นตอนอะไร ติดตามกันนะคะ :)

ป้ายกำกับ:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก