วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มาที่ TCDC ที่ Emporium ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายไปที่ไปรษณีย์กลางบางรัก


เนื่องจากเรานั้นทำงานอยู่ในละแวกใกล้เคียง TCDC ที่ Emporium บางครั้งมีเวลาว่างหลังเลิกงานมาเดินชมนิทรรศการที่นี่ และได้อะไรใหม่ๆกลับไป แถมยังได้ร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นที่นี่ อย่าง Bangkok Urban Hack Day ของทางยุพินด้วย จนได้ทราบข่าวมาพอควรว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไปรษณีย์กลางบางรักในต้นปีหน้า เข้าใจว่าเรื่องของค่าเช่าด้วยส่วนนึง และตามความคิดเราน่าจะเรื่องพื้นที่ด้วย เพราะ TCDC ก็เติบโตขึ้นทุกปี ดังนั้นเรามาที่นี่ก่อนที่เป็นเดือนสุดท้าย ในเดือนตุลาคม 2559 เพื่อเก็บบรรยากาศคะ



จริงๆเราแอบเห็นตอนเขาเตรียมนิทรรศการวันสุดท้าย ตอนที่ไปจัดนิทรรศการน้อยๆของงาน Bangkok Urban Hack Day พอดีเลย

TCDC คือใคร ตามความเข้าใจของเราเป็นหน่วยงานนึง เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ส่งเสริมในเรื่องผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งแบบสินค้าจับต้องได้ และส่วน software เน้นไปด้านการออกแบบ ดีไซน์ วัสดุ เทรนด์ต่างๆที่นักออกแบบใช้ ส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ทั้ง design thinking, service design, business model มีห้อง workshop และห้องสมุด ซึ่งมีหนังสือให้เลือกมากมาย ดีๆทั้งนั้น มีกิจกรรมให้ร่วมมากมายเลย


ตอนแรกเข้ามาที่ TCDC Shop มีแจกนิตยสารคิด และกระเป๋าน้อยๆด้วย

งานที่จัดที่ TCDC ในช่วงนี้
TCDC Debut wall จัดแสดงผลงานของแต่ละท่าน แต่ละบริษัท ที่มีความโดดเด่น ทั้งด้านการออกแบบ การใช้งาน


ชอบอันนี้ มีให้ส่องด้วย



TCDC Charoenkrung ตรงนี้แบ่งออกสองส่วน
A Path To The New Experience ตรงนี้บอกรายละเอียดของย่านเจริญกรุง ที่มีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของการเป็นเมืองเก่า ที่อยู่อาศัย สถานศึกษา เป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ และบอกความสัมพันธ์ระหว่างคนกับพื้นที่ ซึ่ง TCDC ที่ใหม่จะมาเปิดในย่านนี้นี่เอง

ปล ส่วนตรงนี้ย้ายเข้าห้องนิทรรศการ 1 แล้วนะ อยู่ด้านหลัง ที่ workshop เดิม


The New Experience เป็นนิทรรศการบอกเล่าถึง TCDC เจริญกรุง 
ในส่วนที่หนึ่ง เป็นการขยายว่าทำไมมาเปิดที่นี่ และโฉมใหม่ ที่ใหม่ ของ TCDC จะเป็นอย่างไรบ้าง 


ส่วนที่สอง จะบอกว่าแปลนพื้นที่ไปรษณีย์กลางนั้น ชั้นไหนมีอะไรบ้าง มีโมเดลตึกไปรษณีย์กลางด้วยหล่ะ


การออกแบบภายในก็มีฉายภาพให้ดู ให้เราเห็นภาพ บอกว่าส่วนไหนอยู่ชั้นไหน เป็นอย่างไร


วัสดุที่ใช้ มีตัวอย่างให้จับต้องด้วย


มีโมเดลให้ดูถึงการออกแบบในส่วนของห้องสมุดของการออกแบบ พื้นที่ใช้สอยมากมาย ออกแบบได้โปร่งโล่งสบาย ดูทันสมัยและเงียบสงบ



ถ้าอยากเห็นชัดเจน ดู VR ได้เลยจ้า จะมีในส่วนห้องสมุด และ maker zone ด้วยความที่สองโซนอยู่ชั้นบน ดังนั้น วิวดีมากคะ


ส่วนที่สาม อันนี้จะบอกถึง creative center จะบอกถึงวัสดุต่างๆ ที่เรานำมาศึกษาเพื่อใช้ในงานออกแบบจริง ที่งานมีแจกวัสดุน้อยๆฟรีด้วย ตั้งแต่ส่วนนี้มีให้เรากดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พร้อมเสนอความเห็นได้เลย



มีตัวอย่างวัสดุให้เราได้สัมผัสด้วย อย่างย่านเจริญรัถ เข้าใจว่าขายของพวกผ้าอะไรงี้เยอะ


มีผ้าเกล็ดงูด้วยแหะ บางอย่างเราเองก็ไม่เคยจับจริงๆ


ต่อมาส่วนใกล้ๆกัน Material Center มีพวกไหมต่างๆให้เราดูด้วย


คิดว่าต่อไปเราไปฝากกระเป๋า หรือฝากของที่ locker ได้เลยนะ


ในส่วน business canvas ต่างๆ ที่นี่นอกจากให้ความรู้เรื่องวัสดุ การออกแบบแล้ว ยังสนับสนุนและให้ความรู้ด้านธุรกิจด้วย


อันนี้คุ้นๆไหมเอ่ย business model canvas ไงเล่า



ส่วนตรงนี้เป็น lean canvas อันนี้ใช้หลัก lean startup และ business model canvas มาผนวกเข้าด้วยกัน


ส่วนแผ่นนี้เป็น lean canvas เช่นกัน มีงานอบรมที่ NIA แต่ตอนนั้นลางานไม่ได้ เลยไม่ได้เข้าอบรม แต่ download canvas เก็บไว้แล้วหล่ะ


อันนี้ใช้ร่วมกับ business model canvas โดยตัว value proposition canvas เป็นจุดเริ่มต้นในการหาคุณค่าของสินค้าหรือบริการที่เราจะออกขาย


อันนี้เป็นกล่องในการช่วย brain storming มีตัวอย่างให้ดูสองกล่อง สามารถเปิดข้างในมาดูได้ว่ามีอะไรบ้าง


ที่ TCDC จะมี ขนม หรือบางท่านเรียกว่า creative food ไว้ support ด้วยนะจ๊ะ สำหรับเราเห็นได้ชัดเจนตอนงานแหกเมืองของป้ายุพินนั่นแหละ อาหารดี ครบครัน


ชักภาพรวมๆ


เดี๋ยวนี้เขามี board game ด้วยนะ



บอร์ดเกมส์เสร็จแล้วบอร์ดข่าว TCDC มี line account แล้วนะ

ด้วยความที่ TCDC มีช่วงนึงเปิดงานออกแบบเก้าอี้ที่ใช้ในที่ใหม่นี้ จนได้ 7 แบบเก้าอี้ที่ใช้จริง บางแบบดูธรรมดา แต่การใช้งานครบครัน บางแบบความคิดในการออกแบบเริ่ดมากจริงๆ



ส่วนที่สี่ บอกถึงการ support ธุรกิจสร้างสรรค์ อย่างงาน คิด ทำ กิน ที่มีพ่อหมอท่านนึงเป็นพรีเซนเตอร์นั่นแหละ งานนี้นอกจากจะมีวิดีโอที่ทางแซลม่อนเฮ้าส์เพื่อความสนุก เอ้ยย ให้ความรู้แล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆให้ร่วมด้วย ไม่ว่าจะ workshop หรือ สัมมนา รวมไปถึง TCDC Debut Wall ด้วยนะ



TCDC Connect อันนี้ร่วมกับทางมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษางี้ มีหลายแห่งทั่วประเทศเลย


ในงานมี maker space ด้วย ในช่วงนี้เป็นการเจาะหนัง มีรอบสองโมงกับหกโมงเย็นเนอะ ส่วนรายละเอียดหรือการเข้าร่วมตรงน้ไม่ทราบจริงๆคะ


ด้านนอก เพิ่งทราบทีหลังว่า มันวาดได้ด้วย พลาดไปแล้นนนน


TCDC ที่ Emporium จะเปิดถึง 30 ตุลาคม 2559 นะ และจะย้ายไปเปิดที่ตึกไปรษณีย์กลาง เจริญกรุง ได้ยินแว่บๆน่าจะเดือนเมษายนปีหน้านะ ที่ใหม่ไม่ใกล้ที่ทำงาน แต่ใกล้บ้านมากกว่านะจ๊ะ แถมตึกสวยด้วยหล่ะ นั่งรถเมล์มาน่าจะมาได้อยู่

ถ้ามีโอกาสได้ไป TCDC เจริญกรุง จะรีวิวให้ฟังนะ :)


สุดท้าย สิ่งที่อยากฝากถึง TCDC
- เราคิดว่าที่ใหม่พื้นที่ใช้สอยมากกว่าที่เดิม แถมเดินทางสะดวกประมาณนึง วิวดี ตึกสวยงาม แต่บางคนคงบอกไปยาก อันนี้ต้องติดตามต่อไป
- คิดว่าน่าจะมีกิจกรรมให้ร่วมหลากหลายขึ้น มี maker zone ด้วย ไม่แน่ใจว่ารับคนทุกกลุ่มด้วยหรือเปล่า นอกจากกิจกรรม workshop แล้ว กิจกรรม hackathon ก็มีมาแล้ว ถ้ามีกิจกรรม maker สำหรับเด็กหรือผู้สนใจ ไม่ว่าจะเป็น DIY หรือสาย hardware คงจะดีไม่น้อย
- เรื่องขอเอกสารมาอ่านเอง สำหรับเรื่อง design thinking หรือตัว business canvas เอง ไม่ทราบว่าขอจากตรงไหน อย่างไร แต่ยังดีที่เอกสารบางอย่างสามารถดาวน์โหลดจากในเว็บได้
- ห้องสมุดที่นี่เราเคยเข้าไปหลายครั้ง เราชอบมากเลย เพราะหนังสือมีความทันสมัยและ
หลากหลายมากๆ ถ้าเปิดให้แบบเข้าวันเดียวฟรีงี้ สำหรับคนที่ไม่ได้มาบ่อย ก็น่าจะดีนะ ส่งเสริมการอ่าน หรือค่าสมาชิกอาจจะลดลงมาหน่อย สำหรับคนไม่ได้มาบ่อยในทุกเดือนงี้

ปล. วันที่เราไป คือวันที่ในหลวงของเราสวรรคตไปอาทิตย์นึงแล้ว บรรยากาศจะดูเงียบๆ ทั้งที่ก็เงียบอยู่แล้วแหละในช่วงหลังเลิกงาน เลยทำให้งานนี้ดูเศร้าๆตามไปด้วยแหะ

อีก ปล. ช่วงนี้เข้าห้องสมุดได้ฟรีนะ ดังนั้นใครอยากไปนั่งทำงานชิวๆพร้อมค้นคว้าหนังสือคุณภาพ สามารถมาได้นะเออ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Update

ตอนนี้ทาง TCDC มีลดหนังสือ 50% ให้ได้จับจองตั้งแต่วันที่ 22 - 30 ตุลาคม ที่ TCDC Shop ที่สำคัญ มีของฟรีแจกด้วยยยย ทั้งใบปลิว โปสเตอร์ และเข็มกลัด มันดีต่อใจมากจริงๆ





ส่วนหนังสือในนั้นเรามีซํ้ากัน 3 เล่ม ไว้มีโอกาสจะมาแจกเนอะ ;)

ป้ายกำกับ:

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มาลองทำแอปบล็อกของตัวเองกันดีกว่า ตอนที่ 5 : การ publish application ของเรา ลง play store

หลังจากที่เราได้ปรับปรุงแอปตามต้องการพร้อมการเทสเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากเรายังไม่มี play store เป็นของตัวเอง ดังนั้น เราต้องสมัครก่อนเนอะ
ดังนั้นเราจะเขียนเล่าทีละน้อยๆ ตามขั้นตอนเนอะ



ขั้นตอนที่ศูนย์ ผูกบัตรกับบัญชี play store

ถ้าคนไม่มีบัตรเครดิตจะทำยังไง 

อาจจะสมัครของ K-web Shopping card ที่หน้าตู้ ATM ซึ่งต้องเปิดตัว K-Cyber banking ก่อน เสียค่าธรรมเนียมปีละ 300 บาทนะเออ ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือในการ Activate และอันนี้จำกัดวงเงินของเราได้ด้วย

หรือจะผูกกับบิลดีแทคก็ได้นะ

หรือง่ายที่สุด คือ ผูกกับ TrueMoney Wallet แค่ลงแอป และไปเติมเงินที่ 7-11 ก็ใช้ได้เลย ซึ่งเราก็ผูกบัตรนี้อยู่ใน play store ดังนั้นตัดโดยใช้อันนี้เนอะ (เราได้สมัครแอปนี้ตอนที่งาน pokemon tour เขาแจกเหรียญโปเกม่อนโก 100 เหรียญ เลยจัดไป แต่มันง่ายนะ เติมเงินง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องวงเงินด้วย)

เมื่อเรามีบัตรที่ต้องการผูก ไปผูกที่ play store ได้เลย
ไปที่ Account -> Payment methods กดบวกด้านล่าง เลือก Add credit or debit card
ใส่เลขบัตรลงไป เป็นอันจบ


ขั้นตอนที่หนึ่ง สมัครเป็น developer ของ android
ไปที่ Google Play Developer Console กันก่อน

สิ่งสำคัญคือเรื่องการจ่ายเงิน
ซึ่งจะจ่ายครั้งเดียว 25$ เท่ากับเงินไทย 884.83 บาท (ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2559)

กดยอมรับข้อตกลง และกดดำเนินการชำระเงินต่อ
จากนั้นเลือกบัตรที่ต้องการตัดเงิน
และป้อนรายละเอียดที่เหลือลงไป




และกรอกรายละเอียดของเราเพิ่มเติม เป็นอันเสร็จสิ้นการสมัครจ้า


จากนั้นจะมีอีเมลล์จาก google แจ้งว่าตัดเงินจากบัตรสำเร็จ และได้รับ sms จาก TrueMoney ด้วย สำหรับการตัดเงินด้วย TrueMoney Wallet นะ

ขั้นตอนที่สอง export apk
ใน android studio
ไปที่ Build > Generate Signed APK... กด Create new... เพื่อสร้าง keystore



ตรง path กดตรง ... กำหนด path และใส่ชื่อ keystore ของเราด้านล่างเน้อออ

กรอกรายละเอียดต่างๆให้ครบ
ประเทศไทยกรอก country code 66 นะ


สุดท้ายเราก็จะได้ keystore มา เป็นไฟล์นามสกุล jks นะ
ก่อนเป็น android studio หน่ะ มันเป็น file keystore เลย

และการ export apk
ข้อมูลที่เราสร้าง keystore เมื่อกี้ เขาจะกรอกให้หมดเลย
กด next เลือก release กด finish


รอบแรกจะรอนานหน่อยนะ


สุดท้ายไฟล์ keystore และ apk อยู่ในโฟลเดอร์ที่เราต้องการ


ข้อควรระวัง จำ user และ password ให้ได้ด้วยนะ เพราะถ้าแอปมีอัพเดตใหม่ ใช้ keystore ชุดเดิมนะ
อีกข้อ ถ้าเป็น version ใหม่ที่จะลง store โปรดเปลี่ยนเลข version ใน AndroidManifest จาก 1.0 เป็น 1.1 ประมาณนี้


ขั้นตอนที่สาม เอาแอปของเราขึ้น play store

เรานำไฟล์ apk จากขั้นตอนที่แล้ว มาลงใน store
ในหน้า Google Play Developer Console เลือกบนซ้ายนะ
"เผยแพร่แอปพลิเคชั่น Android บน Google Play"


ด่านแรก กรอกชื่อแอปเราก่อนเลย และกด "อัพโหลด APK"


จากนั้น upload apk



เมื่อ upload apk เสร็จแล้ว กรอกข้อมูลในแต่ละส่วนให้เรียบร้อย ขอเล่าย่อๆสั้นๆ ดังนี้



- ข้อมูลผลิตภัณฑ์ในสโตร
อัพรูปหน้าจอ รูปไอค่อนแอป และรูป cover ให้เรียบร้อย
- คะแนนเนื้อหา
กรอกชื่ออีเมล์เพื่อยืนยันตน และเลือกประเภทของแอปปิเคชั่นของเรา
ในรูปแคปมาได้ไม่หมด ประเภทสุดท้ายเป็น utility ซึ่งเราเลือกอันนี้




จากนั้นจะ generate แอปของเราออกมา


- การกำหนดราคาและการเผยแพร่
กรอกรายละเอียดทั่วๆไป ว่าเป็นแอปฟรีไหม จำกัดเรทอะไรบ้าง



เมื่อกรอกข้อมูลครบทั้งหมดและเรียบร้อยแล้ว
กดเผยแพร่แอปเลยจ้าา
แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ publish application แล้วชวนเพื่อนๆมาช่วย download เลยนะ
ต้องรอทาง store พิจารณาก่อนนะ



เราลงไปตอนกลางคืนช่วงใกล้สี่ทุ่ม ตอนเช้ามาดูแอปของเราก็อยู่ใน play store แล้ว รวดเร็วมากๆ



สุดท้าย สามารถดาวน์โหลดแอปปิเคชั่น MikkiPastel ได้แล้ว ที่นี่เลย
https://play.google.com/store/apps/details?id=co.meappdev.mikkipastel

และเราจะมี update อยู่เรื่อยๆ ตามเวลาที่ว่างเนอะ
ตอนที่ 4 ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย เนื่องจากยังไม่ได้ทำตัวตัวค่าจาก notification โดยที่พา user ไปอ่านบทความใหม่เลย เพราะงานอื่นมี priority สูงกว่าเนอะ แต่ feature หลักๆสามารถใช้ได้หล่ะนะ

เนื้อหาทั้งหมด
ตอนที่ 1 : blogger json api
ตอนที่ 2 : มาทำ push to refresh กันเถอะ
ตอนที่ 3 : การดึง content มาแสดงใน custom chrome tab
ตอนที่ 4 : ทำ push notification เมื่อบล็อกเรามีการอัพเดตบทความใหม่

ป้ายกำกับ: