สวัสดีค่ะทุกคน programmer/developer นั้น เป็นสายงานที่นอกจากสกิลเรื่องการเขียนโปรแกรมแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ ภาษาอังกฤษ เนื่องจาก Document ของทุกเจ้านั้น เป็นภาษาอังกฤษอะเนอะ และรวมไปถึงงาน Conference ต่างๆ อย่างในไทยก็งาน Android Bangkok หรือต่างประเทศก็เป็น Google I/O (แน่นอนว่าวกเข้าเรื่อง Android ตามสภาพ) ซึ่งถึงแม้จะไปงานหรือไม่ได้ไปงานก็มีคลิปย้อนหลังอ่ะเนอะ ซึ่งแน่นอนว่างานระดับนี้ ภาษาอังกฤษล้วนแน่นอนจ้า และเมืองไทยนั้น ก็มี developer ต่างชาติอยู่ด้วยเช่นกัน
ปัญหาหลักๆ คือ เรื่องภาษา คืออ่านเขียนพอไหว ฟังก็พอทน แต่พูดบางทีไม่ได้คล่อง ซึ่งเราเห็นหลายๆคนในงาน meetup ภาษาอังกฤษเขาสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ด้วย แต่เราเองในช่วงนี้ไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษกับใครเขาด้วย เลยนึกคำพูดได้ช้า ไม่คล่องเท่าคนที่เราเห็น 555
จริงๆ pain point ชีวิตอยู่ที่งาน Android Bangkok 2018 ที่ภาษาก็ไม่ค่อยคล่อง และได้โอกาสเป็น speaker ของงาน เราคว้าโอกาสและทำมันได้ดีที่สุด ยอมรับว่าพูดเสร็จแอบเฟลที่ปล่อย dead air ไปค่อนข้างเยอะ ถึงแม้จะซ้อมก็ไม่ได้มีความมั่นใจแบบภาษาไทยอะเนอะ เลยคิดว่า ควรต้องฝึกภาษาเพิ่มแล้วหล่ะ เผื่อปีหน้าหรือปีไหนๆที่พี่ๆเขาให้โอกาสมา จะได้ทำให้ดีขึ้น ขนาดพี่เอก Android GDE เขายังมีพัฒนาการที่ดีเลยเนอะ (อันนี้ไม่ได้อวย เรื่องจริง แต่จะให้ค่าจ้าง ก็รับ 555)
เราเองก็ลองหาคอร์สภาษาอังกฤษหลายๆที่อยู่บ้าง แต่ขี้เกียจ 555555 ส่วนใหญ่ที่เห็นก็เน้นพวก grammar กันเนอะซึ่งเราเองก็เคยเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อสอบ TOEIC มาแล้ว ซึ่งแนวเน้น grammar ไม่จำเป็นแล้ว ช่วงนั้นได้ ebook อะไรมาเยอะมาก อ่านไม่ทัน 55555 ถ้าจะลงเรียนแนวนี้อีก คงไม่เอาแล้ว
เรารู้ว่าสิ่งที่ขาดเนี่ยคือทักษะการ conversation ถ้าภาษาเราได้ เก็บเงินอีกหน่อย ก็อาจจะได้ไปงาน Google I/O อยากไป Google อ่ะ เป็นความฝันเราเลยแหละ ซิลิคอนวัลเลย์ของฉัน แล้วเราเองก็ไม่เห็น developer ต่างชาติคนไหนจะเคร่ง grammar (ส่วนคนส่วนน้อยขอไม่นับแล้วกัน พวกที่เหยียดคนไทยพูดภาษาอังกฤษกับเขาไม่ได้อ่ะ บลาๆๆๆ) ขอแค่คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจก็พอจ้า
และถ้าไปเรียน conversation ตัวต่อตัวก็จะดีมากเลย แต่จากตอนนั้นที่เรียน TOEIC แล้วนั้น มันก็ทำให้เราเองไม่มีเวลาเขียนโค้ด เลยกลายเป็นว่าโปรเจกลุงสุขุมโดนทิ้งไปเลย
คือเราก็อยากเก่งภาษาอังกฤษ และว่างแค่เสาร์อาทิตย์เอง และอยากจะเจียดเวลาเล่นเกมส์ เอ้ยยยย เวลาเขียนโค้ด มาเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ และลองฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มทักษะ Developer ที่ดีของประเทศ 55555
ไปๆมาๆไปเจอคนนี้เข้าแบบงงๆ โดยบังเอิญ จากการค้นหาคอร์สภาษาอังกฤษ ที่เน้น conversation แบบไม่เน้น grammar ถ้าคอร์สแบบออนไลน์จะมีที่ไหนบ้างนะ
crispyfroid
Facebook Ads นี่ก็เหลือเกินนน ถ้าเม้าท์อะไร หาอะไร ขึ้นมาเลยจ้าาาาา แหมมมมมมมม นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างนึงนะ เราควรจะชินได้แล้วหรือเปล่าน้า?
อ่ะไหนๆขึ้นมาให้เราดูแล้ว กดเข้าไปดูสักหน่อย
โอโห้วเพจเขาคน like เยอะ แต่ยังสะพรึงไม่เท่า มีเพื่อนใน Facebook ของเรากด like เพจนี้ถึง 24 คนด้วยกัน (ที่ sensor ชื่อ + 23 = 24 นะเออ อย่างงเน้อ) ในเพจ content ภาษาอังกฤษก็มีความ interactive กับคนกด like เพจด้วยหล่ะ
อันนี้ตัวอย่างคลิปในเพจ เห้ยย สนุกเข้าใจง่ายดีแหะ แซ่บๆ ม่วนหลาย
เข้าไปดู website กันดีกว่า
เลื่อนลงมาเจออันนี้ น่าจะเป็นโปรโมชั่นของคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์
คลิกที่รูปก็จะเจอรายละเอียดของคอร์สนะ
https://crispyfroid.com/new-basic-sentense-course/
ขออนุญาตตัดภาพมาค่ะ ...... เรียบโร้ยฮะ โดนตกไปแล้วฮะ
ชื่อคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ของ Crispyfroid ชื่อว่า
Basic Sentence Patterns จ้า
ตัวเว็บของคุณ crispyfroid จะเป็นโดเมน .com และตัวคอร์สเป็นโดเมน .net นะ ซึ่งถ้าเอา keyword crispyfroid ไปหานั้น เจอ .net ก่อนแหะ
เมื่อซื้อคอร์สแล้วก็ login เข้าไป ด้านล่างบอกวันหมดอายุของคอร์ส
แต่สิ่งที่ขัดใจเรา คือ เรา login ไปแล้ว ทำไมขึ้น Log In อ่ะ ฮืออออออออ น่าจะ hide หรือไม่ก็ขึ้นชื่อ user สิ ฝาก developer ด้วยฮะ
ระยะเวลาของคอร์สคือ 90 วัน
กดตุ่ม คลิกเข้าดูคอร์สเรียนออนไลน์ ก็จะเจอคอร์สทั้งหมดเนอะ ทั้งหมดมี 15 วันกับ 4 bonus สามารถเรียนผ่านหน้าคอมได้เลย เนื้อหาทั้งหมดมีทั้งสิ้น 17 ชั่วโมงนั่นเอง
ไหนๆเราจะไป outing ด้วย อ่ะหน้ามือถือมันจะ responsive ไหมนะ
หน้าเว็บมือถือสวยอยู่นะ ถึงแม้ปุ่ม menu จะกดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 555 เราสนใจเรื่องการเรียนมากกว่า
ในคอร์สจะเป็นเนื้อหาบทเรียนวิดีโอ แล้วมีแบบฝึกหัดให้ทำด้วย
ข้อดีแน่ๆของคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ของ crispyfroid คือ เรียนที่ได้ก็ได้ ไม่ว่าจะระหว่างอู้งาน เอ้ยย ทำงาน หรือระหว่างเดินทาง เพราะตัวเว็บก็รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถืออยู่แล้ว แค่มี device และ internet ก็สามารถเรียนได้ตามใจต้องการเลย
ตัวเว็บน่าจะใช้ของ wordpress มั้ง และมีการกันโดนดูดคลิป ถือว่า secure ดีค่ะ
แต่ละบทคร่าวๆมีอะไรบ้างหล่ะ
Day 1 Course Introduction
มีการปฐมนิเทศก่อนเรียนด้วยแหละ จะเป้นคลิปยาวๆอันนึงก่อนเข้าบทเรียนที่แท้จริง
อย่ากังวลว่าพูดผิดหรือพิมพ์ผิด จากประสบการณ์ของ crispyfroid คือ เรียนรู้จากความผิดพลาดด้วย และทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลอะไรนะ เรียนให้เต็มที่
part of speech จำเป็นต้องรู้ เพื่อให้เรียงประโยคให้ถูกต้อง
คำศัพท์คำนี้ใช้ในบริบทไหน และเรียนรู้กับกลุ่มคำที่ใกล้ตัว
เรียกได้ว่าปรับ mindset ก่อนเรียนกันเลยทีเดียว
และในแต่ละวันนั้น ก็จะมีบทเรียนย่อยๆ และเปิดดูวิดีโอแบบ full screen ได้ด้วยบนมือถือด้วย แต่เราชอบแบบพื้นดำแบบนี้มากกว่า เป็นแนวตั้งแทน ฮ่าๆ
หลักการเรียนในคอร์สนี้ คือ ฟัง -> พูด -> อ่าน -> เขียน และไม่แนะนำให้เรียนจบรวดเดียว ให้เรียนแบบ Slowly but surely ให้ค่อยๆเรียนไปเนอะ เรามีเวลาตั้ง 90 วันเนอะ :)
เมื่อจบ part นึงไปแล้วจะมี progress แสดงไว้แบบนี้
ในบทเรียนจะมีประโยคต้นแบบในการใช้ประโยคต่างๆให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เน้นการใช้คำหรือประโยคต่างๆได้หลากหลายขึ้น จำเป็นกลุ่มคำไปอะไรงี้ มีการให้คนเรียนแบบเราออกเสียงพูดตามคุณครูด้วย
เช่น สมมุติ developer ชาวต่างชาติถามคุณว่ามีไอเดียอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม นอกจากตอบ I don't know. แล้ว ยังสามารถตอบประโยคอื่นได้ เช่น I have no idea. I don't have a clue.
เมื่อดูคลิปทั้งหมดก็จะมีแบบทดสอบหลังเรียนด้วย เป็นอันจบบท
ปล. เอาจริงๆตัว process ที่วางไว้แต่ละบทดีแล้ว แต่เวลากดไปแบบทดสอบเหมือนเราต้องกดไปดูที่แต่ละบท ถ้ามีกด next ที่วิดีโอสุดท้ายไปที่แบบฝึกหัดก็จะดีมากเลยนะ เราว่ามันต้องมีคนหลงไปบทต่อไปโดยไม่ได้ทำแบบฝึกหัดเลยแหละ
Day 2 Part of Speech
เรียนรู้ Part of Speech (โดยเฉพาะ nouns, pronouns, adjectives, verbs และ adverbs) เพื่อนำไปสู่การเรียงประโยคที่ถูกต้อง และเจ้าของภาษาเข้าใจ
โดยในส่วนนี้จะเน้นคำนามต่างๆก่อน และตัวอย่างประโยคที่ถูกต้องตามหลักการ
เราเองตอนนี้เรียนถึงบทที่ 4 ไปถึงบทที่เป็นคำกริยาแล้วแหละ จริงๆคิดว่าน่าจะเรียนได้ไวกว่านี้ แต่ติดงานส่วนตัวนิดนึงเลยอาจจะมีช่วงเร็วๆช้าๆ
โดยรวมด้วยความที่คอร์สมันไม่หนักมากจนเกินไป ทำให้เราสามารถเข้ามาเรียนได้เรื่อยๆเลย จึงนำมาบอกต่อจ้า เพราะบทเรียนมันพื้นฐานมากๆ เหมาะกับคนที่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีพื้นฐานอะไรเลยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ หรือไม่มั่นใจว่าตัวเองจะพูดได้ไหม และต้องการคนมากระตุ้นมากกว่าอ่านเองง่ะ
และแน่นอน เรารีวิวแค่สองบทให้อ่านเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจจ้า
ในคอร์สนี้ไม่ได้มีในส่วนเรียนออนไลน์อย่างเดียวเน้อ เรียนเสร็จต้องทบทวน มีแผ่น CD และหนังสือ ให้เราทบทวนอีกด้วย
|
ฝั่งซ้ายหนังสือ ฝั่งขวาซีดี |
ตัวหนังสือนั้นจะสรุปเนื้อหา และให้เรา short note สิ่งที่ได้เรียนรู้ ซึ่งเรียกได้ว่าเพียงพอก็คนชอบจดแบบเรา (ถ้าไม่พอจริงๆ ก็ post-it หล่ะค่ะ)
ส่วนที่เราใส่เติมเองมีสองจุด คือ เขียนประโยคตัวอย่าง
What're your favourite phrases and sentences? และส่วนที่เราจดอะไรก็ได้ตอนเรียน
Write down some note
ส่วน CD จะมี 5 แผ่น และ recap เนื้อหาจากที่เราเรียนเนี่ย เป็นคลิปเสียง ไว้ทบทวนตอนที่คอร์สเราหมดอายุนั่นเอง
เปิดเข้าไปจะเป็นไฟล์แบบนี้
|
notebook ใช้ตั้งแต่สมัยเรียน จนตอนนี้ไม่สามารถเปิด chrome หลาย tab ได้แล้ว ส่วน Android Studio ไม่คิดจะเปิดเพราะช้ามาก |
ซึ่งสามารถเปิดได้ผ่าน Windows Media Player หรือ iTune ได้
สรุป ถ้าสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์
https://crispyfroid.com
ข้อเสียก่อน มีข้อเดียว คือ ซีดี เราไม่มีเครื่องเล่นซีดีเลย ต้องเปิดจากคอมเก่าๆมาดูไฟล์ด้านใน อันนี้ฝากคุณครูไปเป็นการบ้านนะคะ ;_; ถ้าบางคนใช้ macbook แล้วไม่มีช่องใส่ CD คือจบเลยค่ะ ฮือออออออ แต่เข้าใจว่าวิธีนี้ secure ที่สุดสำหรับในเคสนี้แล้วแหละ
ข้อดี
- เรียนออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ เพียงมีอุปกรณ์และอินเตอร์เน็ต เรียนได้แล้ว
- ตัวหน้าเว็บอาจจะมีบัคนิดหน่อย แต่โดยรวมคือมันเป็น responsive website (คือเว็บที่เข้าจากมือถือแล้วสามารถใช้งานได้ดีบนหน้าจอมือถือ)
- สอนสนุกเข้าใจง่ายดี และค่อนข้างถูกจริตกับวิธีการสอน คือ ไม่เน้นว่าต้องแปลได้ทุกคำทุกประโยค เหมือนเราเจอครูสอนแบบนั้นมาเยอะจนเอียน แล้วไม่เน้นท่องจำ
- แน่นอนว่าคุณครูกระตุ้นให้เราฝึกพูดตามตลอด
- เนื้อหาพื้นฐานมากๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่รู้สึกว่าไม่เก่งเรื่องภาษาอังกฤษ (ส่วนสำหรับเราเอง ก็ถือเป็นการทบทวนกันไป เพราะพอมีพื้นฐานมาบ้าง)
- ทำให้ฟังคลิป conferrence ต่างๆ อย่างมีเป้าหมายมากขึ้น (จริงๆมีอยู่แล้วแหละ เป้าหมายคือเขามีอะไรใหม่ๆมานำเสนอบ้าง แต่อย่างน้อยเราอาจจะฟังแบบไม่เปิดซับแล้วรู้ว่าเขาพูดอะไร)
- มีหนังสือสรุป สามารถ short note ได้ด้วย เอามาอ่านทบทวนได้ตลอด
- ถึงตัวคอร์สออนไลน์หมดอายุ ก็ยังมีเนื้อหาบางส่วนจาก CD ด้วยแหละ ซึ่งระยะเวลา 90 วัน กับเนื้อหาที่ย่อยง่าย เลยดูมีระยะเวลาที่เพียงพอประมาณนึง
- มีการ update คอร์สตลอดเวลา ซึ่งอันนี้เป็นข้อดีที่เราเอง หาจากคอร์สไหนๆได้ยากมากๆเลยนะ
เรื่องเว็บอันนี้แอบฝากคุณครูและทีมงานเรื่องบัคค่ะ
- ตรง login ถ้าเรา login แล้วแต่ยังขึ้น login ที่บน header นักเรียนจะงงว่า ฉัน login แล้วหรือยัง
- แบบทดสอบเราว่าเราตอบถูกแบบเป๊ะทุกคำ แต่ดันบอกว่า incorrect ฮืออ
ปล. developer review จะสนใจสิ่งที่เกี่ยวกับงานตัวเองนิดนึง 555 ดังนั้นพวกบัคหรือ UX บางอย่างก็กล่าวถึงเพื่อนำไปปรับปรุงที่ดีๆอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกค่ะ ไม่ได้มีเจตนาต่อว่านะคะ อันนี้บอกได้ตรงนี้เลย
อันนี้ขอแปะไว้ท้ายๆ เนื่องจากได้จากตอนเรียนบทแรกเลย คือ การฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ด้วยการฟังก่อน ซึ่งเราเองเคยแปลคลิปนึง แล้วต้องดูไป จดไป ฟังไป หลายรอบมากกว่าจะเสร็จ สาเหตุที่ทำบล็อกนั้น คือ มีของฝากมาล่อ เอ้ยยย ต้องศึกษาเพื่อเอาไปพูดใน Kotlin Generation ในงาน Code Mania 111 แล้วมันก็หลังงาน Google I/O 18 นี่แหละ ต้องอัพเดตนิดนึง
https://blacklenspub.com/summary-how-to-kotlin-google-io-18-6f1ecde6420f
และมีอีกอันที่ใช้เวลากับมันนานมาก เพราะรายละเอียดมันเยอะ แล้วต้องทำความเข้าใจ เขียนโค้ดไม่เท่าไหร่หรอก แต่ใช้เวลากับการทำความเข้าใจมันนานมาก เพราะด้วยมันเป็นศัพท์เทคนิคด้วยแหละมั้ง เลยดูยากๆหน่อย 55555
คิดว่าน่าจะช่วยในการทำบล็อกที่แปลจาก video conference จากงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google I/O เอง หรืออื่นๆ ได้มากขึ้น โดยเริ่มจากคลิปสั้นๆก่อนอะไรงี้ ติดตามบล็อกหรือในเพจต่อๆไปแล้วกันนะ เผื่อจะขยันทำ content ใหม่ๆมาบ้าง 55555555
แล้วก็ช่วยในการคิดคำกัน dead air ถ้ามีโอกาสได้ไปแก้ตัวเป็น speaker งาน Android Bangkok ปีถัดๆไป ถ้าเขาให้โอกาสเราไปพูดแก้ตัว 555 เพราะตอนนั้นเหมือนเราจะใช้คำซํ้าๆ แล้วดันออกเสียงใกล้กันจนลิ้นจะพันกันอยู่แล้ว
ที่สำคัญ น่าจะพูดคุยกับ Developer ชาวต่างชาติได้มากขึ้นนะ อย่างน้อยอ่ะตอนนี้คุยรู้เรื่องกว่าตอนนั้น ฟังเข้าใจกว่าตอนนั้นนะ
รายละเอียดคอร์ส และรีวิวคอร์ส
https://crispyfroid.com/new-basic-sentense-course/
ช่องทางติดตาม Crispyfroid
Facebook :
Crispy FrOiD คริสปี้ ฟรอยด์
Line : @crispyfroid
YouTube :
crispyfroid
หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่
https://m.me/crispyfroid
ปล. คอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์นี้ สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต ได้ 3-10 เดือน
------
ป้ายกำกับ: review