วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

มาเล่าเรื่อง model-based design ให้ฟัง

ด้วยกระแส embedded system ที่ยังคงมาแรงในขณะนี้
และด้วยความที่ทำงานสายนี้ จะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นมากๆ
ไม่ว่าแรงงานจะน้อยจนไปถึงขาดแคลน (คนทำเป็นไม่ค่อยมีนั่นแหละ)
และงานด้านนี้สามารถทำเงินให้กับประเทศไทยได้บ้าง

เลยต้องพัฒนาตัวเองให้สู้ต่างชาติได้

อีกเรื่องที่เพิ่งได้มาศึกษาจริงๆจัง และเกี่ยวข้องกับงานด้วย
นั่นคือ model-based design

model-based design คือ การออกแบบโมเดล โดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งแปลงสมการแล้วนำไปใช้งานได้จริง

ถ้าไปอ่านบล็อกตอนที่ไปงาน menufacturing มา จะมีช่วงนึงที่ Mr. Kenneth Koh กล่างถึงแผนภาพการออกแบบซอฟต์แวร์ในรถยนต์ ซึ่งจริงๆนั่นก็คือ model-based design โดยไม่รู้ตัวนั่นแหละ สรุปในส่วนนี้ได้ว่า ในการออกแบบสมองกลฝังตัวในรถยนต์นั้น เราออกแบบโปรแกรมตาม requirement ของลูกค้า เราจะได้ prototype compiler หรือ software จากการทำ autocode tool หรือ code generater ซึ่งการ generate code เป็น atomic จะลดเวลาการ develop ได้ถึง 50% เลยทีเดียว และนำไปรันบน simulatior ด้วย มีการตรวจสอบอยู่เสมอ จึงได้รถยนต์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ที่ผ่านการ coding หลายล้านบรรทัด รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆด้วย

ใน MATLAB เอง ก็รองรับการทำ model-based design ด้วย คือมีการรัน simulink model บน simulator เพื่อ geneate ผลออกมา ไม่ว่าจะเป็น test case หรือ รันบน emulator ซึ่งทาง matlab มีวิดีโอบรรยายภาพรวมไว้ด้วย และมี workflow การทำงานดังนี้


- design and simulation : โมเดลของเราประกอบด้วยหลายๆส่วน (component) ซึ่งมีผลต่อการ behavior ของระบบ ดังประกอบด้วย algorithm, logic, physical และภาษาที่ใช้ในการ coding ซึ่งสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบในสถานการณ์ต่างๆ
- implementation : เราสามารถ generate code แบบ auto ได้เลย เพื่อทำ phototype
- test and verification : ตรวจสอบว่าเราได้ทำตาม requirement หรือเปล่า ซึ่งเราสามารถใช้ test harness ในการทดสอบการทำงานของโมเดลที่เราสร้างขึ้น

หลักการการทำงาน model-based design ใน MATLAB คือ สร้างโมเดล simulate โมเดล analyse โมเดล จัดการข้อมูล และนำไปใช้กับ hardware

ในไทยเอง ก็มีอุปกรณ์รองรับในการทำ model-based design คือ Fio board และ STM32 board มีการพัฒนาให้เราได้ใช้กัน หาซื้อได้ใน aimagin คะ (นอกจากจะมีของพวกนี้ขายแล้ว ยังมี tutorial ต่างๆมากมายมาให้อ่านด้วย)

หน้าตาของโดยคร่าวๆ เรียกได้ว่าเป็นของเล่นที่เรายังไม่เคยเล่นนี่แหละ จากหน้าเว็บคะ


ป้ายกำกับ:

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ครัวไมโครเวฟอินออฟฟิค : การทำอุด้งนํ้าซุปปลาง่ายๆ ฉบับไมโครเวฟ

เราเป็นคนนึงที่ชอบทานอุด้ของมารุกาเมะเซเมงงมากๆ เพราะเส้นเหนียวหนึบ ซุปก็หอมอร่อย แต่ไม่ได้ทานมานานแล้วสิ ตอนมื้อเที่ยงไม่รู้จะทานอะไรดี ตอนไปวิลล่าเห็นอุด้งกึ่งสำเร็จรูปอยู่ข้างมาม่า เลยคิดว่าทำอุด้งทานเองดีกว่า

ส่วนผสม
1. อุด้งกึ่งสำเร็จรูปรสปลาทะเลในนํ้าซุปรสปลาตราทาคาโมริ ราคา 38 บาท
2. เนื้อบดหมูปลอดสาร S-pure ขีดละ 28 บาท 1 ขีด
3. ไข่ลวก CP แพ็คละ 16 บาท 2 ฟอง เราใช้ฟองเดียวพอ
*ควรจะใส่ผักด้วยนะคะ เพื่อสารอาหารครบถ้วน


วิธีทำ
1. แกะซองอุด้งออกก่อน ภายในมีเส้นอุด้ง และนํ้าซุปปลา เราแกะซองอุด้งออกมาเติมนํ้า พร้อมใส่หมูสับลงไป เข้าไมโครเวฟ 2 นาที (จากหลังซอง ต้มนํ้า 360 มล. ให้เดือด แล้วใส่เส้นอุด้งลงไป ต้มประมาณ 2 นาที)



2. ใส่เครื่องปรุง (ถุงนํ้าซุปปลา) ต้มต่อหรือเวฟต่ออีก 1 นาที ใส่พร้อมไข่ลวกเลย พยายามให้น้องหมูสุกเลยนะคะ ถ้ารอบแรกยังไม่สุก


3. เมื่อทุกอย่างสุกได้ที่แล้ว ขั้นตอนสำคัญคือ กินสิคะ แหมมมมม
*นํ้าซุปจะมีปริมาณมากกว่าตอนแรก เนื่องจากนํ้าจากหมูสับออกมาด้วย อาจจะลวกหมูแยกต่างหากก็ได้นะ

รสชาติโดยรวม เส้นอุด้งพอกินได้ ไม่เหนียวนุ่มอร่อยมากเหมือนที่ร้าน นํ้าซุปเค็มไป (ขนาดนํ้าจากหมูมาเพิ่มเองตามธรรมชาติแล้วนะ)
สรุป พอแก้ขัดได้นะ น่ากินไหมหล่ะ


ลากันไปด้วยอุด้งเวฟนะคะ ซู้ดดดดดด สวัสดีคะ

ป้ายกำกับ:

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

งานปฐมนิเทศโครงการแข่งขันการประกวดผลงานการพัฒนา Mobile Application ภาครัฐ #MEGA2014


เนื่องด้วยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กโทรนิกส์ หรือ EGA ได้จัดการประกวดแอพปิเคชั่นภาครัฐ หรือ MEGA2014 มีผู้เข้าร่วมประกวดมากถึง 154 ทีม คือ นิติบุคคล 30 ทีม และนิสิต นักศึกษา บุคคลทั่วไป 124 ทีม (ซึ่งเจ้าของบล็อกอยู่ในนั้น) และได้เข้่ารอบปฐมนิเทศทั้งหมด ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ห้องอโมนา 2-3 ชั้น โรงแรมอโนมา โดยเจ้าของบล็อกมากับเพื่อนสาว ;p ในนามทีม me app คะ

ที่งานเริ่มลงทะเบียน 8:30 ทยอยมากันเรื่อยๆ คหสต เรา ไม่เห็นสื่อมวลชนมาสักเท่าไหร่เลยแหะ พวกเราลงชื่อ ให้สำเนาบัตรประชาชน และได้แฟ้มเอกสารของงาน และปากกา ในนั้นมีกำหนดการของวันนี้ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน template proposal แบบประเมิน และใบแจงความจำนงงาน workshop ซึ่งจะทางงานจะมีการอบรม api ของ sponsor ทั้ง 3 คือ 
- bluemix ของ ibm ในวันที่ 17 ธันวาคม 10:00-16:00 ที่ห้องอบรม ชั้น G ที่ ห้องอบรม ชั้น G บริษัทibm
- knox ของ samsung ในวันที่ 18 ธันวาคม 13:00-16:00 ที่ห้องลีลาวดี ชั้น 18 สำนักงานรัฐบาลอิเลกโทรนิกส์
- การพัฒนาแอพ cross platform ของ microsoft ในวันที่ 28 มกราคม 13:00-16:00 ที่ห้อง auditorium 1 และ 2 บริษัท Microsoft ประเทศไทย
หมายเหตุ สามารถไปหรืิอไม่ไปก็ได้ ทางงานไม่ได้บังคับ แต่สามารถไปได้ทีมละ 1 คน ต่อ workshop เท่านั้นคะ

งานเริ่มค่อนข้างเลทคะ ตามในกำหนดการคือ เริ่ม 9:00 แต่จริงๆเริ่ม 9:40 คะ แหะๆ นั่งคุยวางแผนเรื่อง workshop กันยาวเลยยยยย





เมื่อถึงเวลาเปิดงาน มีพี่ mc สุดสวยดำเนินรายการตลอดงาน และบอกให้เราส่งใบประเมินงานพร้อมด้วยแบบจำนงร่วมกิจกรรม workshop เพื่อแลกเกียรติบัตรผลงานขิงเรากลับบ้าน ต่อมามีการกล่าวเปิดงาน โดยคุณไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการสำนักงานอิเล็กโทรนิกส์
- EGA เริ่ม software ภาครัฐหรือ รัฐบาลอิเล็กโทรนิกส์ ในปี 2556 (ปีที่แล้วนี่เอง) โดยได้รับความร่วมมือจาก SIPA, Software Park, และ NECTEC 
- จัดขึ้นให้ developer สร้างนวัตกรรม ส่งเสริม พัฒนา ให้สอดคล้องความต้องการ ยกระดับและต่อยอดการพัฒนาผลงานกับรัฐ
- สรุปประเภทผลงานที่ส่งเข้าประกวด TOP5
1. ด้านการเดินทาง การขนส่ง และคมนาคม 58 ผลงาน
2. ด้านการกีฬา สันทนาการ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว 37 ผลงาน 
3. ด้านการศึกษา และการเรียนรู้ 29 ผลงาน
4. ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน 26 ผลงาน
5. ด้านการเงิน ภาษี และธุรกิจ 19 ผลงาน
และประเภทอื่นๆ 83 ผลงาน (แต่ละผลงานสามารถจัดเข้าประเภทผลงานได้มากกว่า 1 ประเภท)


- ทางงานได้ผลตอบรับดีมากๆ ทีมเข้าร่วมประกวดเยอะกว่าที่คาดคิดไว้

หลังจากกล่าวเปิดงานแล้ว จะมีการให้ข้อมูลการแข่งขัน โดยคุณวิบูลย์ ภัทรพิบูล ผู้จัดการฝ่ายบริการให้คำปรึกษา สำนักงานรัฐบาลอิเล็กโทรนิกส์ ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บคะ ขอสรุปคร่าวๆดังนี้
- วัตถุประสงค์หลัก นอกจากการแข่งขันนี้แล้ว ยังสร้างเครือข่าย community เพิ่มความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้แข่งขันด้วย
- หลักจากงานปฐมนิเทศส่ง proposol ของผลงาน ในภายในสิ้นปีนี้ และคัดให้เหลือทั้งหมด 20 ทีมสุดท้ายในแต่ละประเภท ซึ่งของนิติบุคคลน่าจะได้เข้ารอบ 2 ใน 3 เลยทีเดียว ส่วนพวกเราๆนี่ คัดออกเยอะอยู่นะ เป็นกำลังใจสู้ๆแล้วกันคะ (รวมถึงเจ้าของบล็อกด้วย)
- คณะกรรมการตัดสิน มีทั้งสิ้น 7 องค์กร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ภาครัฐ มีทั้ง Software part, SIPA, NECTEC และ EGA และสปอนเซอร์ อันได้แก่ Microsoft Samsung และ IBM
- รางวัล มีทั้งรางวัลหลัก และรางวัลรองจากสปอนเซอร์ ส่วนในวันตัดสิน ทีมที่ตกรอบสามารถเข้าไปฟังได้คะ
- เมื่อเข้ารอบ proposal มาได้ จะต้องเตรียม present 20 นาที โดยต้องส่ง user guide, source code, tool ด้วย แต่มีคำถามจากผู้ร่วมปฐมนิเทศว่า ขอไม่ส่ง source code ได้ไหม (เราเองก็ไม่อยากส่งหรอก ใครอยากจะส่งหล่ะ ถึงจะของเราก็เถอะ) ถ้านำไปดูรายละเอียด ไฟล์ install ของ app น่าจะเพียงพอแล้ว ทางผู้จัดงานจะนำข้อนี้ไปพิจารณาคะ
- ผลงานที่เราส่งเข้าประกวด เป็นลิขสิทํิของเรา แต่เราห้ามละเมิดลิขสิทธินะคะ ถ้าเจอจะถูกตัดสิทธิคะ
- ทำไมเงินรางวัลน้อยจัง เพราะทางงานมุ่งพัฒนาผลงานมากกว่าชิงเงินรางวัลกัน

หลังจากนี้ จะเข้าสู่ช่วงให้ความรู้ โดยเริ่มต้นที่หัวข้อ การพัฒนาแอป Cross Platforms (Cross Platforms Application Development) โดยคุณสงวน ธรรมโรจน์สกุล ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ จากไมโครซอฟต์ประเทศไทยคะ บอกเลยว่าหัวข้อน่าสนใจมากๆสำหรับนักพัฒนาที่จะทำแอปหลาย platform โดยที่ developer อย่างเราๆไม่ต้องเหนื่อยมาก
- การพัฒนาแอปปิเคชั่นแต่ละ platform มีต้นทุน อาจจะไม่นับเป็นตัวเงิน คือ แรง เวลา คน กระบวนการนอกจากการ develop แล้ว ยังมีการทดสอบระบบ ดูในเรื่องความปลอดภัย ข้อมูล bug ต่างๆ จากนั้นจะมีการ maintenance คือมีการ fix bug, update version หรือเพิ่ม feature ใหม่ๆ แค่ 1 platform ก็ดูเหนื่อยขนาดนี้แล้ว ถ้าทำมากกว่า 1 platform ก็เพิ่มเข้าไปอีก แอร๊กกก





- developer ควรจะพัฒนาแอป 1 ครั้ง สามารถใช้ได้ทุก platform ทุกอุปกรณ์ สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ด้วย

- การพัฒนา Cross Platforms ของ Microsoft นั้น มีให้เลือก 3 ตัวเช่นกัน








1. native app with xamarin : ใช้ VB พวกภาษา C# .NET covert ไปรันบน iOS และ android สามารถ cross งาน logic ได้ทั้งหมด เป็น pure native เลย ส่วนงาน UI สามารถทำได้บางส่วน คือ 60 ตัวพื้นฐาน เช่น button ทำของ windows phone เป็นแบบเมโทรสวยๆ พอมาแปลงเป็น android ก็เป็นแบบเหลี่ยมๆ แปลงเป็น iOS เป็นขอบมนๆ เหมาะสำหรับแอปที่ UI ไม่เยอะ ไม่ซับส่วน แต่ส่วนการทำงานซับซ้อน (เนื่องจาก cross ส่วน logic ได้ 100%)
2. hybrid app with cordova เป็นการลูกของไมโครซอฟต์กับ apache cordova integrate เข้าไปใน VB ส่วน code จะอยู่ฝั่ง client และส่วน web จะอยู่ฝั่ง server ถ้าเป็นหน้าเว็บแบบ responsive(สามารถขึ้นได้ทุก device ได้เหมือนๆกัน ประมาณนั้นคะ) สามารถทำ last debug ได้ คือ สามารถแก้แล้วขึ้นเลย deploy บน emulator ของ android ได้เลย ส่วน iOS จะขึ้นบน chrome

demo cordova


demo cordova
3. hybrid app with WAT (web app templete) ทำ function UI บนหน้าเว็บ
• universal ทำได้หมดทั้ง windows phone และ tablet ใครที่เขียนเว็บเป็นสามารถทำได้
• ทำบน android studio ได้ด้วย
• ทำบน x code ของ iOS ได้ด้วย (แต่ต้องมี mac book นะ)
• ภาษาที่ใช้ มี html + php (+ json ด้วย) สามารถทำเป็น web แบบ responsive และบน device เมื่อทำเว็บแล้ว set config โดยการใส่ url
• สามารถทำ superCache ได้ด้วย คือสามารถเปิดตอน offline ได้ แต่ต้องเคยเปิดหน้านั้นมาก่อน (หน้าที่เราเคยเปิดนั่นแหละ) ใส่ message content ได้ด้วย
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับ developer มากๆเลย มีการ demo ให้ดูด้วย สร้างความตื่นใจตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง มันดีมากๆนะ

demo WAT on Android
demo WAT on Android

หลังจากนั้นเป็นช่วง coffee break แต่งานได้เริ่มเลทไปมาก จึง coffee break กันในห้องเลย (พี่ๆบริการดีมากเลยคะ) ก่อนหน้าที่จะบรรยายเรื่องต่อไป มีกาักภาพเป็นที่ระทึกระหว่างผู้จัดงานและผู้ร่วมงาน กะประมาณประชากรคร่าวๆ คือ นอกจากจะมีผู้ใหญ่อย่างเราๆแล้ว ยังมีน้องๆนักศึกษา และน้องมัธยมด้วย(สุดยอดมากๆ) พี่ช่างภาพพูดจาเป็นกันเอง ทำให้การถ่ายภาพครึกครื้นทีเดียว ช่างภาพแซวว่า ทุกคนยืนตรงนิ่งเหมือนไปถ่ายรูปติดบัตร ให้แอ็คท่าเพิ่มไปเรื่อยๆ ทั้งยิ้ม กดไลค์ แล้วก็เย้! 





พวกเรา coffee break ด้วยชา ขนมเค้กคอฟฟี่อัลมอนด์(mc แนะนำว่าอร่อย แต่ตอนตักคือเฟล มันร่วนจนร่วงหมดง่ะ) และแซนด์วิชแฮมชีสสสส 






พร้อมกับหัวข้อจากการแนะนำ api ของ NECTEC โดยคุณทวีทรัพย์ อภิวัฒนาพงศ์ หัวหน้าห้องปฎิบัติการวิศวกรรมซอฟต์แวร์และนวัตกรรมบริการ NECTEC 

api ที่ NECTEC พัฒนาและเรารู้จักกันก็มี 

- VAJA เปลี่ยนตัวอักษรเป็นเสียงพูด
- S-SENSE เป็นระบบวิเคราะห์คำพูดที่เราโพสบน SNS ใช้ algorithm ว่าเป็น feedback ในทางบวกหรือลบ
- Traffy ข้อมูลจราจร สามารถดึงข้อมูลจากทวิตเตอร์ได้ มีข้อมูลตามป้ายอัจฉริยะตามแยก
ทาง NECTEC เลยมีเว็บรวม api ที่ทาง NECTEC พัฒนาขึ้น ในเว็บ apidd.com developer อย่างเราๆสามารถนำมาวางที่แอปเราได้ เราสามารถ login เข้าไป test ได้ และ download library ไปใช้ได้ วิธีการนำไปใช้ คือ require สร้าง object และเรียกใช้งานคะ

แนะนำ bluemix จาก IBM เป็นการสร้าง application ที่ทำงานกับ cloud โดยคุณศุภกิจ แก้ววิไล Ecosystem Development, IBM Software Group จาก IBM ประเทศไทยคะ


- app are everywhere, experience matter, cloud make it possible แอปมีอยู่ทุกที่, สร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ใช้ คือแสดงผลแบบ cross ได้, และรอบรับการใช้งานได้เยอะๆและระบบต้องเสถียร
- มี video demo การใช้ bluemix ใน 3 นาที เราสามารถ put code ลงไปในนั้นได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=xE_I8BgDroA
- สามารถรวม skill ของ developer ได้ทั้งหมด, เพิ่ม speed, ต้นทุนตํ่า เพราะใช้ cloud, รองรับการพัฒนาและ service ต่างๆ คือมีการใช้ infra stature เป็น platform as a service



- secure intergration on cloud
- open-standard for platform for building, managing, and running app
- one stop service ทั้งการ develop, test, deploy, production 
- devOps, security (scan coding เพื่อดูช่องโหว่), flexible จ่ายตามใช้งานจริง
- cloud foundry ตัวรากฐานของ cloud


- Watson : accelerate, enhances, and scales human expertise เราสามารถสอนได้ด้วยภาษาของเราเอง
- สามารถ developer ได้บน browser หรือ ใช้ tool ที่ถนัด (เช่น android studio) แล้วอัพลง bluemix
- ราคา flexible มากๆ คือจ่ายตามจริง มีการใช้งานฟรีไม่จำกัด 30 วัน หลังจากนั้นไม่ต้องตกใจนะคะ เราสามารถใช้งานฟรีแบบจำกัดชั่วโมง คือใช้งานฟรี 374 ชั่วโมง/เดือน ถ้าใช้เกินนี้ก็จ่ายตามที่ใช้งานจริง (ตัดบัตร) ซึ่งถ้าถูกอกถูกใจอยากใช้เสียเงินยาวๆ มี package ให้เลือก ขั้นตํ่า 6 เดือน ซึ่งพี่เขาบอกว่ายังไม่ได้เสียเงินสักบาท เนื่องจากใช้ไม่ถึงขั้นเสียเงิน ถ้าแอปเล็กๆใช้งานๆฟรีน่าจะเพียงพอแล้วคะ


จากนั้นได้เวลาสำคัญ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ได้เวลาทานอาหารแล้ว พี่mc ได้แจ้งว่า ให้ผู้ร่วมงานทุกท่านไปรับประทานอาหารที่น้องนิลุบล 1-3 ชั้น 2 ในทางที่ไปนั้นประชากรเยอะพอควร และได้สังเกตุร้านอาหารของโรงแรม มีร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ด้วย(และไม่ใช่ส่วนของเราหรอก) ร้านอาหารจีน ของพวกเรานั้นเป็นบุฟเฟ่ต์ที่จัดเตรียมโดยเฉพาะ ตัดเป็นสองแถว มีข้าว ผัดเป็ดย่่างกับพริกแกง(เรียกไม่ถูกแหะ แต่อร่อยมากกกก) แกงส้ม ไก่และปลาอบซอสครีม หลังจากตักข้าวพออิ่มแล้ว อ้าวด้านในยังมีไลน์อาหารอีก เลยต้องจัดการทรัพยากรในจานแรกให้เสร็จ จึงมาตักอาหารไลน์ภายใน มีขนมปังพิซซ่า หมูทอด ยำไข่ต้ม(หมดก่อนเรามารอบสอง อันนี้น่าจะคล้ายๆที่เคยทาน) เกี้ยวทอดไส้กุ้ง(เกี้ยวไม่กรอบ เพราะเริ่มเย็น แต่ไส้กุ้งเป็นกุ้ง อร่อย ฟินลืม) รวมไปถึงขนมไทย ขนมเค้ก ไอศครีม แต่ไม่มีพุดดิ้งนะคะ ด้านอาหารเราประทับใจมากๆคะ บริการดี อาหารอร่อย (อร่อยกว่าโรงแรมห้าดาวแถวออฟฟิคที่เพิ่งปิดปรับปรุงไปซะอีก) ห้องนํ้าก็โอเค แต่เข้าห้างสะอาดกว่า แหะๆ




พออิ่มจากมื้อกลางวัน เป็นการเติมพลังไปสู่การอบรมใน session บ่าย โดยเริ่มต้นที่ การแนะนำ knox นำโดยคุณรุ่งโรจน์ ศิริพรมงคล จาก ซัมซุงประเทศไทย พี่ๆจากซัมซุงมากันสองคน เตรียมตัวมากันอย่างดีเลย ดูมืออาชีพคะ



- knox คืออะไร คือ solution security ในมือถือของซัมซุง ยํ้าของซัมซุงเท่านั้น เพราะอะไร เพราะ android มี security บกพร่องพอสมควร เป็น open source สามารถนำไปปรับแต่งได้ accept เข้าถึงข้อมูลในเครื่องได้ง่าย ถึงคนใช้จะเยอะ แต่ในระดับ enterprise นำไปใช้น้อย เช่น ข่าวมัลแวร์ sms แจ้ง.apk ระบาด มีการพัฒนามา 2 ปี และเพิ่งเปิดตัวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

- CIO สรุปข้อมูลถึงด้าน security ที่บกพร่องของ android คือ ข้อมูลสำคัญที่จะหลุดออกไป เกิดการ compromise และมี policy น้อย (เจ้าของบล็อกยกตัวอย่างนะคะ เช่น แอปนี้ขอ accept location ซึ่ง developer ขอใช้ location แต่เอาไปทำอะไรหล่ะ)

- malicious : data โดนขโมย เกิด bug ทำให้การทำงานรวน

- samsung ต่างจากตลาด คือ เพิ่ม feature ของ enterprise เข้าไป จากเดิมที่ใช้ของบริัทเครื่องนึง ส่วนตัวเครื่องนึง สามารถใช้รวมกันในเครื่องเดียวกันได้เลย แยกส่วนกันอย่างชัดเจน

- security enterprise




1) เน้น security ทุก layer ทั้งในส่วนของ software และ hardware โดยใช้ hardware พิเศษ เมื่อเครื่องเราถูก root, เปลี่ยน kernal หรือ bootloader ก็ไม่สามารถเปิดใช้ข้อมูลได้  ซึ่ง samsung ทำ software และ hardware เอง (ต่างจากเจ้าอื่น เช่น อาจจะทำ software เองแต่ใช้ hardware จากที่อื่น) สามารถตอบโจทย์ได้ คือ มีการ lock ไว้หลายชั้นมากๆ lock ได้ทุก layer


2) protected data and application : มี know workspace มีส่วน enterprise และ personal แยกส่วนข้อมูลกันอย่างชัดเจนและเด็ดขาด ทำให้เราสามารถลง app จาก play store ได้ มีการ encryption ทั้งสองฝั่ง รวมไปถึง sdcard ด้วย


3) complete
• มีทั้ง lock, wipe lost data, wipe container admin จัดการได้เมื่อเครื่องหาย ว่าจบล็อคเครื่อง ลบข้อมูลทัังหมด หรือลบข้อมูลบางส่วนได้ เมื่อเครื่อง online
• define config ของแต่ละเครื่องได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมานั่งทำทีละเครื่อง ไม่ต้องตั้งค่าอะไรมากมาย เพียงใส่ username password ก็สามารถเข้าไปใช้งานได้เลย
- enterprise ต้องการอะไร
• kiosk mode : lock หน้าจอให้ใช้ app ที่สามารถใช้ได้ เช่น ร้านอาหาร ให้พนักงานรับออร์เด้อ ไม่ให้เล่น facebook เล่นเกมส์ได้
• under policy เฉพาะที่ทำงาน เช่นในเขตที่ทำงาน ห้ามเปิดกล้อง ห้ามเล่นเกมส์ หรือใช้ SNS ใช้ location service เป็นตัวช่วย
• logistic ดูว่ารถไปไหนบ้าง ไปหาลูกค้าหรือเปล่า ใช้ location tracking
• config คำสั่งพื้นฐานของ exchange account
• Wi-Fi configuration เราสามารถ login Wi-Fi ที่ทำงานอย่างอัตโนมัติได้เลย โดยไม่ต้แงทำอะไร กันปัญหาหา Wi-Fi ของบริษัทไม่เจอ หรือลูกจ้างนำเครื่องส่วนตัวมาต่อ Wi-Fi
- ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่นำ knox ไปใช้
• Track'em เป็น logistic solution เครื่องมือขายสินค้า ใช้ location service api สามารถตรวจสอบไม่ให้คนขับขับรถเร็วกว่ากำหนดได้
• nScreen Mirroring เป็น hardware ของกล่อง TV สามารถขึ้นหน้าจอเพื่อใช้ในการสนทนาออนไลน์ได้ด้วย
• Qminder ระบบคิว
• Transmobile web service ว่าเครื่องไหนถูกใช้งานที่ไหนบ้าง

เมื่อได้ความรู้เทคโนโลยีของสปอนเซอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนครบถ้วนแล้ว เรามาดู success case กันดีกว่า จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในหัวข้อ Mobile App ภาครัฐที่ประสบผลสำเร็จ นำโดย พล.ต.ท ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



- ทางตำรวจได้ทำแอปศูนย์โจรกรรมรถ (lostcar) ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ ในการแจ้งรถหาย  ซึ่งหน่วยงานนี้มีรับแจ้งที่ 1192 และทาง webside อยู่แล้ว และมีแอปเพิ่มเข้ามา จากนั้นมีการ identify รถ ตรวจสอบรถว่าใช่ไหม จากนั้นแจ้งข่าว เพื่อนำไปสู่การสกัดจับ โดยใช้ red light cam และ license plate กล้องวงจรปิดของ ปปส. ซึ่งทางตำรวจบอกว่าจะมีกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น
- จากแอปจะใช้ฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถตรวจสอบได้จากชื่อ ใบขับขี่ ทะเบียนรถ และตัวถังรถ ซึ่งทางพี่ๆตำรวจได้มีการ demo ทั้ง android และ iOS ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีให้โหลดนะคะ (เพื่อนเราหาแล้วไม่มีใน play store คะ) ถือเป็นช่วงหนุกหนาน(หรือเปล่า) ของผู้ร่วมงานที่เป็นผู้ร่วมสนุกในการใช้แอป ฮ่าๆ



เมื่อได้ผ่อนคลายกับการ demo app อย่างเพียงพอแล้ว ได้เวลา coffee break ในมื้อบ่ายนั้น มีคานาเป้พิซซ่า และทาร์ตผลไม้ ซึ่งมีพุดดิ้งด้านล่าง เด้งดึ้งอร่อยดี พร้อมนํ้าชา เราเองก็ส่งแบบประเมินและใบแจ้งความจำนง workshop เพื่อแลกเกียรติบัตรไอเดียที่เราส่งประกวด เป็นการรับรองว่าไอเดียนี้เป็นลิบสิทธิ์ของเรา เราคิดว่าส่งไปก่อน เผื่อเลิกแล้วจะได้ออกเร็วหน่อย แต่! พี่ที่งานถามว่ายังอยู่ฟังจนจบหรือเปล่า (คะ) หลังเลิกงานพี่ขอสัมภาษณ์น้องหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งรีบกลับ (คะๆ ได้คะ) เราก็ไปบอกเพื่อนเรา 


เมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารของงานแล้ว ก็มาถึงเรื่องสุดท้ายของงานแล้ว อยู่ในช่วง success case ด้วย ในหัวข้อ กว่าจะเป็นสุดยอดแอป โดยคุณกิตินันท์ อนุพันธ์ หรือพี่แจ็ค อรุณสวัสดิ์ CEO บริษัท Anywhere 2 go เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากๆคะ จึงขอแยกส่วนไปไว้อีกบทนึงนะคะ ในส่วนนี้ประทับใจมากๆคะ ได้แนวคิดเพิ่มเติมที่น่าสนใจและนำไปปรับใช้ได้คะ

ทางงานทำเวลาไว้ดีมากคะ ถึงแม้ตอนแรกจะเลทไป 40 นาทีก็ตาม ถือว่าจัดการดีคะ อาหารอร่อยๆ พี่ๆใจดี จากนั้นเป็นช่วงเวลารอสัมภาษณ์คะ เจอเพื่อนเราที่ฝึกงานด้วยกันด้วยคะ ซึ่งเพื่อนเราไปเป็นครูที่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ...... คนที่หลงมาอ่านน่าจะจำได้ว่าเจ้าของบล็อกบอกว่ามีเด็กมัธยมมาแข่งด้วย นั่นแหละคะเพื่อนเราพาน้องๆมาแข่ง น้องๆทั้งสามน่ารักนะคะ เก่งด้วย สมัยเราเป็นเด็กมัธยมยังไม่มีโอกาสได้ไปแข่งขันแบบนี้เลย ประทับใจ หลังจากพูดคุยกัน และแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนสาว(;p) ที่มาด้วยกันแล้ว ก็เข้าช่วงสัมภาษณ์คะ กล้องเป็นกล้องที่ถ่ายทำรายการเลยนะ(ใช้ข้างในเสร็จแล้วก็ออกมาข้างนอกห้องต่อเลย) ดูคิวก่อนๆว่าพูดอะไรบ้าง มีน้องๆนักศึกษาจากจุฬาด้วยในนั้น แล้วก็คิวของน้องๆมัธยม และ developer อีกท่านนึง พี่สาวผู้น่ารักได้บอกเราว่าต้องตอบอะไรบ้าง เราก็เตรียมตัวบลีฟกับเพื่อนไว้ว่ามีอะไรบ้าง พอถึงหน้ากล้อง พี่เขาให้มองกล้องตรงนี้ ให้ทำตัวตามสบาย แบบคุยกันเองก็ได้ รายละเอียดการสัมภาษณ์ มีแนะนำชื่อทีม ชื่อแอป วัตถุประสงค์ แรงบันดาลใจ ทำไมถึงมาประกวด MEGA2014 เมื่อจบการสัมภาษณ์แล้ว ได้มีการชักภาพนิ่งเป็นการปิดท้าย เป็นอันจบกิจกรรมปฐมนิเทศน์นี้คะ (จากนั้นพาคุณเพื่อนไปหาฝูงน้องหมาบีเกิ้ลสีขาวเป็นรายการถัดไป)
ปล. งานนี้ไม่ง่วงเลย รู้สึกดีใจจัง ><

ขอบคุณทาง EGA และผู้สนับสนุนทุกท่าน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการจัดงานดีๆเหล่านี้นะคะ 
เป็นกำลังใจให้ me app ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยนะคะ

ป้ายกำกับ: ,

ข้อคิดจาก กว่าจะเป็นสุดยอดแอป โดยพี่แจ็ค อรุณสวัสดิ์





กว่าจะเป็นสุดยอดแอป โดยคุณกิตินันท์ อนุพันธ์ CEO บริษัท Anywhere 2 Go หัวข้อสุดท้ายของงานปฐมนิเทศของ MEGA2014 ซึ่งเราว่าน่าสนใจมากๆ และหาที่ใดไม่ได้เลยนะ คือเขาต้องสุดยอดมากๆเลยนะ ถึงจะทำแอปที่เป็นสุดยอดได้ พอได้ฟังพี่เขาเล่ามา ยิ่งได้ความรู้มากขึ้นเรื่อยๆเลยคะ ถึงตอนแรกหลายๆคนไม่รู้จักพี่เขาก็ตาม (รวมถึงพวกเราด้วยคะ แหะๆ) จึงมาเขียนบทความแยกตอนจากการปฐมนิเทศ เพื่อให้หลายๆท่าน อย่างนักเรียน นักศึกษา developer รวมถึงผู้ที่สนใจด้าน tech startup ได้อ่านกัน

ปล. ขอแปะสไลด์ที่พี่แจ็คใช้ในงานนี้ไว้ด้านบนนะคะ และเจ้าของบล็อกจะสรุปสิ่งที่ได้ด้านล่างนี้คะ 





- ในช่วงแรกพี่เขาเล่าก่อนว่า เขาเป็นใคร ทำอะไร และเล่าถึง passion ในชีวิตก่อนคะ
- "อย่าทำเพราะอยากทำ ทำเพราะเจอปัญหา" เมื่อเจอปัญหา เราต้องหาวิธีแก้ ซึ่งเราเคยอ่านเจอ ว่าบางธุรกิจมาจากการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และบางครั้งการอยากทำที่อยากทำ อาจจะขายไม่ได้ก็ได้ เพราะไม่รู้ว่าเขาต้องการไหม เช่น ที่พี่แจ็คเล่าถึงสถิติการตาย โดยตายจากอุบัติเหตุ 10% ซึ่งมาดูอย่างละเอียดแล้ว ถ้าไม่เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ก็ระหว่างทาง หลังจากอุบัติเหตุ 4 ชั่วโมง และรอด แต่อาจจะรอดแบบเลี้ยงไม่โต ซึ่งจะทำอย่างไรให้คนเสียชีวิตน้อยสุด วิธีแก้คือ ลดเวลาการขนย้าย เพิ่มเวลาการช่วยเหลือ
- "มีเป้าหมาย ทำแอปแล้วมีคนซื้อ แอปเปิดออกไปได้" จากด้านบน เลยมี solution คือ มาเร็ว เคลมเร็ว ของกรุงเทพประกันภัย ซึ่งมีบริษัทประกันภัยที่ใช้ของอรุณสวัสดิ์ 13 บริษัท
- "3 เดือน ทำแอปให้เสร็จ หาลูกค้าให้ได้ หานายทุนให้ได้ด้วย" จากการที่ได้ไปแข่งใน dtac accelerate ทำแอปให้เสร็จในระยะเวลาจำกัดถึง 3 เดือน โดยทำ claim di ให้เสร็จในระยะ้วลาที่กำหนด หรือ solution การช่วยเหลือคนไข้ที่ทำให้เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ
- "ไอเดียวันนี้ อย่างเพิ่งทำวันนี้" เพราะอาจจะมีอะไรที่เจ๋งกว่า ดีกว่าก็ได้ และเราสามารถคิดได้เรื่อยๆไม่หายไปไหน
- "การรับงาน outsouce ทำให้ product ของเราไม่เสร็จ" ข้อนี้เป็นปัญหาของบริษัท tech startup เลย เพราะต้องคำนึงถึงความอยู่ได้ของบริษัท จึงรับงาน outsource มาทำก่อน เมื่อคนไปทำงาน outsource แล้ว ทำให้มีเวลาและกำลังไม่เพียงพอในการพัฒนา product ของตัวเอง บริษัทอรุณสวัสดิ์ดอทคอม จึงใช้เวลาพัฒนา product ชิ้นแรกในเวลา 5 ปี นับแต่จัดตั้งบริษัทมา
- FAIL :
— tech startup เป็น goal จริงหรือยัง เราต้องตั้ง goal ให้ตรงกับความต้องการของเรา เราต้องมี passion ในสิ่งที่เราจะทำ สิ่งนั้นจะผลักดันให้เราทำสำเร็จ "อะไรที่ทำตามความฝัน ล้มได้ แต่อย่าเลิก" 
team work การงานใดๆเราทำคนเดียวให้สำเร็จคงไม่ง่าย แต่ทีมของเราต้องหาคนที่ทำงานร่วมกันแล้วได้ผลสำเร็จไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ทะเลาะกัน
product differenciate ต้องแตกต่างจากคนอื่น, intellectual property จดทรัพย์สินทางปัญญา
venture capital (vc) แหล่งเงินทุน บางที่ให้ทุนฟรี แต่มีเงื่อนไข ต้องอ่านสัญญาให้ดี, 
ธุรกิจ 1x ได้กำไรเอามาแบ่งหุ้นส่วน แล้วก็จบกันไป พบได้ตามธุรกิจ SME, ธุรกิจ 2x จากธุรกิจ 1x ที่แบ่งกำไรให้หุ้นส่วนแล้ว หาหุ้นเพิ่มหรือให้หุ้นเพื่อเอาเงินมาลงทุนเพิ่ม จนกิจการใหญ่ขึ้นเป็น 5x 10x
brands and well known ทำให้คนรู้จักเรา มีเวทีไหนให้แข่งก็ไปแข่ง เพื่อให้คนรู้จักเรามากขึ้น เข้าไปอยู่ในวงให้ได้ เวลามีงานอะไรให้ไปนั่งแถวหน้า เพื่อให้คนเห็น เวลายกมือให้ยกมือให้สุด
marketing crossing the chasm ข้ามช่องแคบไปให้ได้ วิธีคือ นั่งเฉยๆ ไปทำอย่างอื่นก่อน ทำให้ของเราดังก่อน เช่นขายให้ลูกค้าเจ้าแรก ให้ excursive กับลูกค้าให้ product เราเป็นที่รู้จักก่อน เมื่อเป็นที่รู้จักเราก็จะได้ลูกค้ามากขึ้น



partner and networking to difference business เช่น เราเป็น programer เราต้องไปรู้จักคนนอกสังคม programer เพื่อเราจะได้รู้จักธุรกิจอื่นๆรอบตัวเราด้วย

- 9 rules of Innovation จากคุณ Mo gawdat จาก google business innovation

1. start with vision : เราจะทำอะไรในบริษัท ให้ทุกคนรู้เท่าเทียมกัน แม้แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แม่บ้าน จะต่างจากของ apple ที่เคยอ่านในหนังสือเลย อันนั้นเป็น code ลับเลยทีเดียว ห้ามเปิดเผย
2. hide the best : จ้างคนที่ดีที่สุด, slow hire: fire fast ไล่คนที่ทำงานแย่ออก เช่น พนักงานคนนึงเกือบไม่ผ่านโปร ให้ไปทำทีมไหนก็ทำแล้วไม่ได้งาน จะให้ไปถ่ายเอกสารก็ไม่มีให้ทำเยอะ ดังนั้นต้องเอาออกคะ 
3. idea comes from everywhere : ไอเดียเกิดได้ทุกที่ ไม่ว่านะที่ทำงาน ที่บ้าน ร้านกาแฟ
4. share : no information is useless
5. morph idea : idea ที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถเปลี่ยนแปลงได้
6. speed matters : fast is better than slow
7. data not hype : เก็บข้อมูลเป็น data
8. user comes first (and comes second, third, fourth,...) : ทำทุกอย่างให้ user ใช้ ลูกค้าสำคัญที่สุด
9. freedom to innovation : ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้
- pain ความเจ็บปวด เวลา present เราต้อง present ให้โดนใจคน ฟังแล้วรู้สึกอิน รู้สึกจื๊ดดดดด
- "อย่าคิดว่าเราทำให้ลูกค้าแล้วจบ ต้องศึกษาระบบนิเวศน์รอบข้างด้วย" อย่าง anywhere 2 go ทำธุรกิจประกันภัย ในธุรกิจประกันภัย นอกจากบริษัทประกันภัย ยังมีส่วนอื่นๆด้วย เช่น call center, อู่ซ่อมรถ 
- creativity : doing something differently/new ทำผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาด หรือทำแตกต่างจากเจ้าอื่น

หลังจากได้ฟังจนจบแล้ว พวกเราได้แง่คิดนำไปประยุกต์ใช้กับงานของพวกด้วย ต้องขอบคุณงาน MEGA2014 ที่นำหัวข้อดีๆมาบรรยายให้กับพวกเรา และขอบคุณวิทยากร พี่แจ็ค อรุณสวัสดิ์ ณ ที่นี้ด้วยคะ :)



ป้ายกำกับ: ,