สวัสดีทุกคน ทุกอ่าน ที่หลงมาอ่าน
ก่อนอื่นเลย เท้าความนิดนึง หลังจากเราเรียนจบก็ทำงานมาได้ ปีกับสองเดือน (จะปีสามเดือนแล้ว) ยังไม่ได้ไปดูงานนอกออฟฟิคเลย (ณ ตอนนั้น เด็กสุด หัวหน้ายังไม่ได้มอบหมายให้ไปฟังสัมมนาข้างนอก) พองานนี้ ประจวบเหมาะกันอยู่สองอย่าง คือ งานไม่เข้าแล้ว กับ เกี่ยวข้องกับฟิลด์ของบริษัท จึงได้ไปทัศนศึกษา เอ้ยย ไปร่วมฟังสัมมนา กับพี่ๆร่วมงานที่ออฟฟิค มากระจายๆหัวข้อเข้าไปฟัง จึงเป็นที่มาของบันทึกนี้ บันทึกว่าเราได้อะไรจากการไปทัศนศึกษาครั้งนี้บ้าง
เวลาฟังสัมมนาในช่วงเวลางาน มีวันพฤหัสที่ 18 และศุกร์ที่ 19 มีหลากหลายหัวข้อของ Automotive ให้เลือกอันที่เราสนใจ แล้วเข้าไปฟังสัมมนา โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า (คาดว่าระบบพัง) ให้ไปลงทะเบียนหน้างานแทน และมีที่นั่งเหลือเยอะ
... เกร็ดความรู้เล็กน้อย งาน Automotive Summit 2014 เป็นงานสับเซตของงาน Manufacturing Expo 2014 ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กน้อยทั้งหลายที่อายุตํ่ากว่า 15 ปี เพราะเป็นงานแสดงเครื่องจักรอุตสาหกรรม เราเคยไปแล้วครั้งนึงกับเพื่อนที่ฝึกงาน การแต่งกาย เสื้อชอป (อันนี้อาจจะไม่จำเป็นในตอนนี้55) กางเกงขายาว และรองเท้าผ้าใบ (รองเท้าหุ้มส้น แต่ตอนนั้นใส่ผ้าใบไป) ไม่เช่นนั้น อาจจะเข้างานไม่ได้ เขาห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าชมงานมาก ตอนนี้หลักๆจะเน้นด้าน automotive มาก เลยมีเนื้องานด้านนี้ค่อนข้างเยอะกว่าตอนที่เราไป...
เมื่อเลือกเรื่องได้แล้ว เตรียมตัวทุกอย่างภายในของท่านให้เรียบร้อย และเตรียมตัวไปทัศนศึกษา เอ้ยย ไปร่วมฟังสัมมนากัน แต่ก่อนหน้านั้น เราลางานในครึ่งวันเช้า เนื่องจากอยากมาเดินเล่นในงาน manufacturing expo 2014 ก่อน
การเดินทาง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เดินทางโดยรถเมล์จากหน้ามอ มาลงอนุเสาวรีย์ แล้วต่อ bts ไปลงบางนา และเดินไปต่อรถตู้จากหน้าไบเทคเข้างาน ตอนนี้นั่งรถเมล์จากบ้านมาถึงไบเทคบางนา ใช้เวลา 50 นาทีโดยประมาณ และเดินผ่าน skywalk เพื่อเข้างาน สังเกตทางเข้าจากสาวนักศึกษา เดินตามรูไป ได้้เห็นทัศนียภาพของสี่แยกบางนาได้อย่างชัดเจน โดยทะลุมาถึงชั้น 2 อันเป็นศูนย์รวมห้อง meeting อันเป็นจุดหมายในช่วงบ่ายนี้
เรามาถึงหน้างานในเวลา 10 โมงเช้า อันเป็นเวลาเปิดงานพอดี โดยรวมต่างจาก 2 ปีก่อนที่ไป เพราะเน้นด้านอุตสาหกรรม จากเดิมเน้นเครื่องจักรในโรงงาน มาเน้นด้าน automative แทน ที่ชั้น meeting มีหลายๆบูธรถยนต์มาจัดแสดง สนใจรถมอไซต์บีเอ็มตรงนั้น 555+
เมื่อไปที่ชั้น 1 เราก็ลงทะเบียนที่หน้างาน เพื่อเข้างาน โดยกรอกลงทะเบียนแบบ walk-in เมื่อลงทะเบียนเสร็จได้บัตรมา เราเดินเข้างานเนปคอน มาป๊ะกันหนูคนนี้ เราเคยเจอกันก่อนที่บริษัท robotsystem วันนี้มาแบ้วเลย ฮ่าๆ
เดินเข้างานไปเรื่อยๆ โดยสรุปแล้ว ความน่าสนุกมันน้อยลงแหะ 2 ปีก่อนมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ คงเพราะไม่เคยมางานนี้ ไม่เคยเห็น ยังเรียนอยู่ด้วย เลยอยากรู้ไปซะหมด (ทั้งๆที่บางทีก็ไม่เกี่ยวกับแกเร้ยยยย) ใส่ชอปเดินดูได้ ไม่โดนกดดันซื้อของ มาตอนนี้ มีอะไรหลายอย่างที่ต่างกันหลายปัจจัย เราเริ่มมีสายงานเป็นของตนเอง เริ่มรู้สึกว่ามันห่างจากตัวเรามากเสียจนอันที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราอยากออกมาจากพื้นที่นั้นอย่างเนียนๆ สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมีมากขึ้น แต่สิ่งที่ต่างดันมีสีสันของพริ๊ตตี้ที่มากขึ้นเป็น 3 เท่าตัว (ที่แจ่มๆมีร้อยและไม่มีรูปด้วย) และมีการแจกกระเป๋าใยสังเคราะห์ในหลายๆบูธ (จริงๆน่าจะมีตอนสองปีก่อนนะ ยัดแคตาล็อกใส่ shopping bag มันหนักมากเลย TT)
ตอนแรกๆเดินหลงไปเรื่อยๆ ไปเจอพี่สาวชาวไต้หวันคนสวยมาขายเคส waterproof เราไปยืนดู แอบเงิบๆที่ไม่ใช่คนไทย พี่สาวอธิบายสินค้า เราเองก็เริ่มงงว่าวัตถุประสงค์ของสินค้า คืออะไร ไปอีกบูธขายเครื่องส่องวัตถุ พี่สาวสองคนในบูธนั้นพยายามขายของใหญ่เลย แล้วฟิลด์เราไม่ตรงกับพี่เขาด้วย เราอธิบายฟิลด์งานเขาเขาไม่เข้าใจ พยายามขายของ อีกบูธ ขายหัวสกรู เราเดินัข้าไปดูเฉยๆ ถามว่าเราต้องการอะไร เราตอบดูไปเรื่อยๆ ก็ยังจะขายของอีก ฮืออออ เป็นนักศึกษาเดินดูงานง่ายกว่าจริงๆ
ระหว่างทาง หลายบูธมี พริ๊ตตี้ MC สาวแจกร่วมด้วย ถ่ายรูปแอบลำบากนิดนึง บูธนั้นขายเครื่องจักรอะไรสักอย่าง คนมุงมาร่วมสนุกเต็มเลย
มีบูธที่น่าประทับใจ สัก 2 บูธ ด้วยกัน
1. MuData เราสนใจรถไฟขบวนน้อยที่วิ่ง เลยถามพี่ชายที่บูธ พี่เขาเป็นคนต่างชาติตอนแรกเรานึกว่าคนไทย เลยไปเรียกพี่สาวคนสวยมาอธิบายให้ ขบวนรถไฟที่ว่า แสดงการขนส่งสินค้า ฝั่งซ้ายเป็นตัวอ่าน ฝั่งขวาเป็นตัวเขียน เราสามารถเขียนทับหรือเขียนข้อมูลต่อได้ บริษัทนี้ขาย RFID tag พี่เขาเครมว่าขนาดเล็กที่สุดในโลก มีหลายรุ่นเลย รับระยะได้ไกลสุด 5 เมตร ขึ้นกับวงจรภายในด้วย ว่ามีตัว amp ขยายเท่าไหร่ เนื่องจากบริษัทนี้มีแต่ตัว tag ขาย เลยมีโปรเจกที่ทำร่วมกับพระนครเหนืิอ เป็นตัวอ่าน RFID แบบที่เราเห็นเนี่ยแหละ บนจอแสดงว่า เราอ่านตัวไหนไปบ้าง ชื่อของ RFID tag เราสามารถเปลี่ยนได้ตามใจเลย และ tag แต่ละตัว มีเลขประจำตัวต่างกันด้วย ประโยชน์ ใช้ในการส่งสินค้าก็ได้ ทางการแพทย์ก็ได้ด้วยหล่ะ
ของที่ระลึกจากบูธ มีถุงกระดาษใบน้อยๆ 1 ใบ ใส่แผ่น CD แคตตาล็อก มีแคตตาล็อกของ RFID tag ด้วย มีแฟ้มใสด้วย 1 อัน ใบปลิวเล็กๆน้อยๆของบริษัท
2. บริษัท ไฟฟ้าอุตสาหกรรม จำกัด ในบูธมีพริ๊ตตี้สาวสวยชวนมาเล่นเกมส์ เราดูพี่คนก่อนหน้าเล่น เราต้องดึงลูกกอลฟ์เหมือนเราเล่น pinball นั่นแหละ หลุมที่คะแนนมากสุด 1000 แต้ม อยู่ตรงกลางและไกลสุด รองลงมา 500 แต้ม และ 100 แต้ม ตามลำดับ พี่สาวให้เราลองเล่นก่อน 2 ครั้ง ได้ประมาณพัน พอเล่นจริง 3 ครั้ง ได้รวมกัน 600 แต้มเอง ถ้าได้ 1000 แต้ม เราจะได้ไขควงไปเดินควงเล่นที่บ้านฟรี อดเล่น เสียใจ555 คนได้มากสุด ได้ 1700 แต้ม ได้ของที่ระลึก คือ กระเป๋า กระดาษจดโน้ต และทิชชู่ไว้ซับนํ้าตาที่อดเอาไขควงไปควง
ตัวเกมส์นั้น จะมี sensor ตัวนึง เราไม่ได้ถามการ set ระบบนะ ตัว sensor จะเห็นตัวแท่งด้านใต้ฐาน ถ้าหล่นตรงหลุมไหน จะโชว์สีแดงขึ้นมา และก็จะนับแต้มแสดงผลขึ้นมาบนจอ เมื่อจะเล่นใหม่ กดปุ่ม reset เลยคะ
มีอีกบูธ ขายเครื่องจักรในโรงงาน เราสนใจตัวนึง ที่มีการเขย่ากะบะด้วย เราเลยถามว่าทำไมต้องเขย่า พี่เขาบอกว่าต้องการ dimension ของวัตถุ โดยมีการแสดงผลบนจอ ขึ้นแกน x-y ให้ดูด้วย ในกะบะคือ ปิ๊กกีต้าร์ เขาต้องการเขย่าเพื่อขึ้นด้านที่เขาต้องการ แล้วเครื่องก็จะดูดปิ๊กขึ้นมาวางบนสายพาน ตามปกติ
บูธนี้มีไอแพดตั้งเป็นจอทัชสกรีนของบูธด้วย สามารถเปลี่ยน content ตามแต่สะดวก ตามความต้องการของเจ้าของบูธและลูกค้าด้วย
ในงานมีการร่วมสนุก มีหนุ่มสาวชุดยูนิฟอร์ม ถือป้ายงาน โดยให้เราไป like page manufacturingexpo เพื่อรับของที่ระทึก เอ้ย ระลึก ต้องขอบคุณชายหนุ่มหญิงสาวสองท่านนี้ ที่อุตส่าห์รอดีแตกตายเน็ตเข้าเฟสบุ๊คไปหน้าเพจ ช่วยถือของให้ แล้วยังเอาไอแพดแอร์มาให้เรา sign in เข้าหน้าเพจ และ log out ให้ด้วย ของที่ได้มา เป็นกล่องเหล็ก ข้างในคือ usb hub ของที่ระลึกของงานจ้า
ตบท้ายช่วงนี้ด้วยหุ่นยนต์เครื่องจักรจาก ABB ไม่ค่อยตื่นเต้นเลยแหะ
แอบ ปล ปีนี้งานยังไม่หมดวัน แต่มีโปสเตอร์ปีหน้าแล้วจ้า
อาหารกลางวันนั้น สามารถหากินได้ที่ชั้นใต้ดิน ราคาแพงกว่าศูนย์สิริกิติ์สองเท่าได้ เตรียมเงินต่อมื้อเลย 100 บาทขั้นตํ่า ศูนย์อาหารมี 2 โซน โซนด้านนอก มีร้านแอนตี้แอน A&W เซสเตอร์กิลด์ ร้านซูชิ ร้านกาแฟ ร้านขายสุกี้ชาบู ร้านขายอาหารญี่ปุ่น ถ้าใครอยากประหยัด มาที่ร้าน lawson 108 ได้เลย มีเบนโตะขนาดเล็กๆ น่ารัก ราคากล่องละ 40 บาท 3 กล่อง 100 คหสต ดูน้อยและไม่ค่ิยน่ากินเท่าไหร่แหะ เราโดนโซนแรกไป ชาบูหมู 130 บาท ค่อนข้างแพง เส้นขาด แต่ผักเยอะมาก เลยซัดเพลสเซลไปอีกชิ้นนึง อีกโซนนึง เป็นศูนย์อาหารนานาชาติ เหมือนจะถูกกว่านิดนึง มีหลากหลายอย่างเลย
ในช่วงบ่ายนี้ อันเป็นช่วงเวลาการทำงานนอกออฟฟิคอย่างแท้จริง เจอพี่ๆน้องๆที่ออฟฟิคที่ตามมากันทีหลัง ลงทะเบียนหน้าห้อง ได้ป้ายห้อยคอ กระเป๋าใยสังเคราะห์สกรีนของงาน ใบปลิวของสมาคมรถยนต์ไทย ใบปลิวรถบรรทุกของวอลโว่ และสูติบัตรของงานสัมมนานี้ ชาวเราฟังสัมมนา ในส่วนของ “GREEN MOBILITY CHANGING THE WORLD” เรื่อง Advanced Safety Technology and Transport System ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 เวลา 13.00-17.00 ที่ห้อง Meeting Room 223 ณ ไบเทค บางนา ในห้องมีทั้งสิ้น 6 แถว มีที่นั่งฝั่งละ 6 ที่นั่ง 2 ฝั่ง สองแถวหน้าสุดมีโต๊ะด้วย นั่งไปจดไปแล้วแอบเมี่อยเบาๆ ฮ่าๆ
13.25 – 13.30 hrs.
Opening Session
by Dr. Nuksit Noomwongs
Lecturer, Department of Mechanical Engineering
Chulalongkorn University
เป็นการกล่าวเปิดงาน และพูดโดยย่อว่า มีพูดเรื่องอะไรบ้าง
Key note : eco car
Key note : passive safety ลดอุบัติเหตุการชน, active safety เช่น ขับรถเบรกไม่อยู่ ABS ช่วยหลบสิ่งกีดขวาง
13.30 – 14.00 hrs.
“Safety Technology for Buses”
by Mr. Kohei Akiyama
Deputy General Manager, Technical Research Center
Hino Motors, Ltd. Japan
อาจจะฟังยากนิดนึง สำหรับภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นนะคะ เนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถบัส
1. Buses in Japan : รถบัสมีหลายประเภท ขนาดแตกต่างกัน ขนาดใหญ่สุดจุได้ 130 คน ขนาดเล็กสุดจุได้ 20-30 คน คนญี่ปุ่นใช่รถบัสเป็นอันดับสอง รองจากรถไฟ
2. Passenger carrier : ความปลอดภัยต้องสูงกว่าจำนวนคน ลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ ญี่ปุ่นเกิดอุบัติเหตุน้อยอยู่ คือเกิด 15 ครั้งต่อปี (ซึ่งก็น้อยกว่าประเทศสารขัณฑ์หลายเท่าตัว)
3. Safety measure policies : people + vehicles = total safety ซึ่ง คน ยานพาหนะ และถนน มีความสัมพันธ์ต่อกัน
4. Technology development policies : รถบัส ตอนนี้แบ่งเป็นสองแบบ คือ รถทัวร์ มีโอกาสเกิดจากชนรถคันอื่นมากที่สุด และ รถเมล์ เกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า สาเหตุเกิดจากหลายๆอย่างเฉลี่ยกัน
5. Safety system put into practical use : ระบบความปลอดภัยที่ใส่ไปในรถบัส
- new PCS (ABS) : register damage, หลบสิ่งกีดขวาง, เบรกเมื่อรถจะชนด้านหน้า
- new driver monitor : มี sensor คือ กล้อง ตรวจจับว่าเราลืมตาหรือหลับตาตรวจจับตอนใส่แว่นดำได้ด้วย ถ้าคนขับหลับหรือมองไปทางอื่น รถจะชะลอตัวลงและแจ้งเตือนคนขับ
- new lane departure warning system : รถจ่าย มี sensor คือ กล้อง ตรวจจับ
- VSC (vehicle stability control system) : เวลารถเข้าโค้ง มีล้ออีกคู่มาช่วยไม่ให้หลุดโค้ง
- body structure
• frontal collision : กันชนด้านหน้ามีการเคลื่อนเพื่อกันการยุบตัว และการบาดเจ็บของคนขับ
• rollover : รถต้องคงสภาพอยู่ได้ เมื่อถนนเอียง 30 องศา
- ส่วนอื่นๆ เช่น air-backs
6. Future Initiatives : เพิ่มด้าน safety และลดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บเป็นศูนย์
Key note : รถทัวร์ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันมากที่สุดถึง 84%
Key note : พัฒนาตัวรถ โดยให้จุด CG หรือจุดศูนย์ถ่วงให้ตํ่าลง มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ เช่น การเตือนเมื่อออกนอกเลน 0.3 เมตร, ระบบ monitor คนขับ detect ลูกตา โดย detect ตอนคนขับใส่แว่นดำได้, ระบบเตือนเมื่อรถส่าย, VSC เบรกเมื่อรถเข้าโค้งไม่ให้หลุดโค้ง, เตือนรถขับให้เบรกรถ, ใช้กล้องว่ามีรถขับหน้าไหม
14.00 – 14.30 hrs.
“Software Role in Vehicles and V2V Present and Future”
by Mr. Kenneth Koh
CEO
Techsource Systems Pte Ltd, Singapore
- รถยนต์มีนวัตกรรมใหม่ๆตามยุคสมัย : cc car, ladybus volk, ไฮบริด
- software bus layer, designer design luxury car.
- software + mechanics
- ถ้ากดปุ่ม manual hand break จะล็อก, เมื่อมีการเบรก รถเอียง จะหมุนกลับ (roll back) โดย automate
- สิ่งสำคัญในการ develop software ในรถยนต์ คือelectronics bugging, requirement
- software develop โดยใช้วิธี v-model เช่น GM
- แผนภาพการทำงาน software ในรถยนต์
- จากแผนภาพ จะได้ prototype compiler/software มีการทำ autocode tool (code generator) เพื่อลดเวลาการ design develop และรันบน simulator
- V2V เป็นการจับขี่ในอนาคต, prevent in confection, complexity
- software safety
Key note : อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ และ software เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ
Key note : มีการตรวจสอบ พัฒนา ทดสอบว่าใช้งานได้
Key note : ออกแบบโปรแกรมตาม requirement และ spec ให็ผู้ใช้ใช้ได้ ผ่านการ coding มาอย่างดี
Key note : generate code เป็น atomic ลดเวลาการ develop ได้ถึง 50%
Key note : V2V ทำให้รถเบรกได้ดีขึ้น
14.30 – 15.00 hrs.
“Measurement Systems for Crash Testing”
by Mr. Michael Raber
Continental Head of Asia
Kistler China Limited
- เริ่มแรก มานำเสนอบิษัทก่อนเลยว่ามีอะไรบ้าง ยังไร อย่างไร บริษัทแรกเริ่มตั้งที่สวิซ แล้วกระจายไปทั่วโลกเลยทีเดียว
- vehicle safety : compile and record data (any car is same)
- จำนวนรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามยุคสมัย
- เทรนของเขานะ คือ changing vehicle demographic รถขนาดเล็กลง มีนํ้าหนักเบาขึ้น, vehicle safety สำคัญมาก เป็นความปลอดภัยของผู้ขับขี่ รถต้องแข็งแรง, เชื่อมต่อกับระบบอิเล็กโทรนิกส์, ทดสอบการชน
- Kistier solution เช่นในเรื่องของ data acquisition มีการ backup เชื่อมต่อข้อมูล, มีข้อมูลมากมายที่ต้อง analysis, ใช้ CAN bus, มี better resource, ผลิตให้มีขนาดเล็กลง และเบาขึ้น, simulation
Key note : sensor, material, pick up anyway
15.00 – 15.20 hrs.
Coffee Break
ได้เพลาของว่างที่รอคอย ขนมมีสองแบบให้เลือก มีครัวซองสองไส้ มีชาและกาแฟให้เลือก ส่วนใหญ่ชาวออฟฟิคของพวกเราเลือกเค้กซ็อคโกแลต และนํ้าชากัน และผู้คนส่วนใหญ่ที่มาสัมมนากัน จะไม่กินนํ้าตาล ครีมเทียมที่แจกมา แต่ใส่นมที่มีอยู่บนโต๊ะแทน เค้กซ็อคโกแลตอร่อยมาก ครัวซองไส้เห็ดไม่ค่อยหร่อยเท่าไหร่ แต่พี่อีกคนบอกว่าก็อร่อยดี อันนี้แล้วแต่คนชอบเนอะๆ
15.20 – 15.50 hrs.
“The Cause of Road Accidents and the Technology to Avoid Them”
by Mr. Maarten Van Gelderen
Product Manager
Volvo Group Trucks Sales & Marketing APAC
- อุบัติเหตุส่วนใหญ่เลยเจอจากมอเตอร์ไซต์ถึง 74% เลยทีเดียว
- สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุนั้น เกิดจากการขับรถเร็ว การดื่มเครื่องดื่มมึนเมา การขับขี่รถจักรยานยนต์ seat-belt ที่นั่งเด็ก (child restraints)
- เน้น social respond
- ในไทยเกิดอุบัติเกตุสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของโลก (จำไม่ได้ว่าของปีไหนนะ) อันดับ 1 คือ นามิเบีย และอันดับสุดท้าย เป็นของมัลดีฟ
- middle-income country ประเทศกำลังพัฒนา เกิดอุบัติเหตุสูงกว่าประเทศด้อยพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว กราฟจะเป็นรูประฆังควํ่าเลย
- toward zero accident ลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์
- มาเข้าเรื่องรถบรรทุกเลย ส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุจากรถมากที่สุด รองลงมาคือคนขับ
- human factor : คนขับง่วงนอน (อาจจะหลับในอะไรงี้ อันนี้เรามโนเอง), ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา, ความเร็ว, seat-belt
- มาถึงเทคโนโลยีรถบรรทุกที่วอลโว่ใส่เข้าไปในรถบรรทุกดีกว่า
• ACC (Adaptive Cruise Control) : หน้ารถจะมี radar ไว้ตรวจจับระยะห่างรถคันหน้า ถ้ามีรถตัดหน้าเรา ซึ่งทำให้ความระยะห่างหน้ารถสั้นลง รถจะเบรก
• LKS (Lane Keeping Support) : ถ้าเราขับรถคร่อมเลนส์ รถจะเตือนเรา สามารถเปิดปิดฟังก์ชั่นนี้ได้ที่แผงหน้าปัดของรถ
• DAS (Driver Alert Support) : เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมการใช้พวงมาลัยรถของผู้ขับขี่ จะแสดงเป็นกราฟแสดงผลบนหน้าจอ ถ้าคนขับมีอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการขับรถ รถจะเตือนเราพร้อมแสดงผลกราฟที่น้อยที่สุด ว่าได้เวลา take a break แล้วจ้า
• LCS (Lane Changing Support) : ตรงไฟข้างรถจะมีเรดาร์ตรวจสอบ ถ้าเราจะเปลี่ยนเลนรถ โดยที่มีรถอยู่ในเลนที่เราจะเปลี่ยนและเรามองไม่เห็น รถจะส่งสัญญาณเตือน และไม่เปลี่ยนเลนให้
• ESP (Electronics Stability Program) : สำหรับรถพ่วง กันการเกิดอุบัติเหตุเมื่อส่วนที่พ่วงพับเข้าหากัน จะมีการคำนวณความเร็วรถด้านข้าง การหมุนพวงมาลัย ความเร็วล้อ (ทั้งสามคำนวณถึงทิศทางของความเร็วด้วยในแบบแมคคานิกส์) รถจะลดแรงดันรถและล้อลง อยู่ที่ส่วนที่พ่วงกับรถด้วย
• alcohol analyzer หรือชื่อเฉพาะว่า ALCOLOCK : มีติดไว้แถวๆพวงมาลัย วัดแอลกอฮอลด้วยลมหายใจของเรา ถ้าระดับแอลกอฮอล์ของเราน้อยหรือไม่มี เครื่องจะสั่งว่า start motor และถ้าระดับแอลกอฮอล์เกิน รถจะสั่งว่า lock out ห้ามขับนะ
Key note : supporting driver แต่ไม่ได้แทนคนขับ ไม่ได้การันตีว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุ (ช่วยให้ลดลงเท่านั้น)
ปล แถมวิดีโอพรีเซนต์ไว้ด้านล่าง
15.50 – 16.20 hrs.
“Mercedes-Benz Intelligent Drive in the New S-Class”
by Mr. Dieter Jacob
General Manager Central Service
Mercedes-Benz (Thailand) Limited
- support customer
- all hand protection with enhance performance
- networking sensor
- driver support
- เทคโนโลยีที่เบ็นซ์ใส่เข้าไปใน s-class รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ใช้กล้องสเตอริโอสามมิติ 1 คู่ ด้านหน้า
• distronic plus รักษาระยะห่าง การเตือนของรถไล่ระดับจากบนไปล่าง
proximity warning : 30-280 km/h
forward collision warning
adaptive break asset
• attention assist : ตรวจจับสมรรถภาพคนขับ ความเร็ว
attention level : คล้ายๆ DAS ของวอลโว่ มีการเก็บ activity ของคนขับ
• cruise control : ช่วยในการเปลี่ยนเลน หยุดไฟแดง
• Active Lane Keeping Assist และ Active Blind Spot Assist ใช้ความเร็วที่ 60 km/h และ 30 km/h ตามลำดับ มีการเตือน side breaking มี sensor ด้านหน้า คือ เรดาร์ ไว้ดูรถโดยรอบเรา และกล้องสเตอริโอสามมิติ 1 คู่ เปลี่ยนความเร็วสามารถจับได้ เวลาเราเปลี่ยนเลน ถ้ามีรถมาด้านข้าง รถจะเบรกข้า
เพื่อไม่ให้เราเปลี่ยนเลน
• Active Break Assist (BAS PLUS) : เตือนคนขับให้เบรก มีระยะห่างของเรดาร์ 3 ระดับ คือ 200 เมตร, 60 เมตร และ 30 เมตร โดยระยะห่างมาก จะไกลแต่แคบ ระยะห่างน้อยจะใกล้ แต่มุมมองกว้าง รถจะเตือนให้เบรกเมื่อมีรถตัดหน้า
• PRE-SAFE break : ใช้เรดาร์ระยะห่างเหมือน BAS PLUS เมื่อมีคนเดินตัดหน้า หรือกำลังข้ามถนน รถจะเตือนให้เราเบรก แต่ถ้าเราไม่เบรกรถ >>>>>>> รถจะชะลอความเร็วจนหยุด เบรกให้ท่านเอง คนที่เดินข้ามถนนจะไม่โดนชนแต่อย่างใด ปลอดภัยทั้งคู่
• traffic sign assist with wrong way alert : ตรวจจับป้ายจราจร ตอนนี้มีที่เยอรมันที่เดียว เท่านั้น โดยมีการเตือนเป็นไฟแดงและเสียงเตือน
• adaptive high beam assist plus : เจอที่เยอรมันที่เดียวโอลลี่อีกอัน อันนี้ตรวจจับ range ของไฟสูง ใช้กล้องในการตรวจจับ
• surround view by 360 degree camera มีติดไว้ที่หน้ารถ ข้างรถ และหลังรถ จะมีมุมมองด้านหลังจากกล้องหลัง และมุมมองด้านหน้าจอกล้องหน้า และกล้องข้างตรงหูช้างทั้งสองข้าง
• Night View Assist Plus : detect ในที่มืดได้ เป็น night view ใช้ infrared camera มองไกลได้ถึง 160 เมตรจากด้านหน้า เห็นสัตว์ใหญ่น้อย เช่น ช้าง ม้า วัว กวาง ได้ คล้ายๆ spotlight
- reduction of injury by PRE-SAFE impulse : การนำไปใช้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ(ป้องกันอุบัติเหตุนั่นแหละ) safe-belt, camera system watch driver, beltbag
Key note : comfort and safety ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง สามารถใช้ได้ทุกคนไม่จำกัดเชื้อชาติ มีการเตือนก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ
ปล แปะวิดีโอพรีเซนต์ของเบนซ์จ้าาา และมี
ข้อมูลเพิ่มเติมให้อ่านกันด้วย
16.20 – 16.50 hrs.
“Safemate: Driving Style Evaluation Tool using Sensory Data on Smartphone”
by Dr. Chalermpol Saiprasert
Researcher
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
มาฟังรถแพงๆที่มีเทคโนโลยีสุดลํ้ากันไปแล้ว มาฟังวิธีการแก้ปัญหาแบบ low-cost กันดีกว่า
- การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดจากคน ยานพาหนะ และถนน ส่วนที่เกิดจากคน เกิดจากการขับรถเร็ว และการดื่มเป็นหลัก
- เทคโนโลยีความปลอดภัย จะมีกับรถหรูราคาแพงเท่านั้น เลยทำ application SAFEMATE ขึ้นมา ใช้ sensor GPS ในการ locate map และ accelerometer ในการวัดความเร็วในการขับรถ มีให้โหลดทั้ง iOS และ android
- หลักการทำงาน : detect driver event -> classify driver event -> real-time alert dangerous -> user feedback
- กรณีที่ใช้ถนน จะมีการขนส่ง การขนส่งมวลชน ทั้งรถเมล์ รถโรงเรียน และ mobile app นี้ เป็น end user
“Vehicle Behavior Monitoring with Multi-GNSS Technology”
by Mr. Raksit Thitipatanapong
Research Engineer
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
- Multi-GNSS ระบบดาวเทียมสากล มีในหลายๆประเทศเลย
- เป็นงานวิจัย เพื่อแก้ปัญหารถบางคันที่ไม่มี GPS เป็นการหา lowcost solution ได้ hardware จาก TTET
- In-vehicle data-logger : GPS, input accelerometer ในรถ, REIM ตัวนี้ยากต่อการ develop
- พฤติกรรมของผู้ใช้รถ มีการเปลี่ยนเลนส์ เปลี่ยนความเร็ว การหักเลี้ยวรถ เขาจะเก็บพฤติกรรมการขับรถเพื่อวิจัยการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อหาทางแก้ต่อไป
- ของจำกัดของ GPS คือ longitudinal acceleration และ lateral acceleration
16.50 – 17.00 hrs.
Conclusion and Photo Session
จริงๆไม่ได้กล่าวไว้แต่ต้นนะ ว่าเวลาไม่แปะ ช่วงแรกค่อนข้างเร็ว ช่วงหลังช้าหน่อย จน เลทเบาๆ ไม่มีกิจกรรมการถ่ายรูปอะไรหรอก ในห้องคนเหลือน้อยเต็มที่หล่ะ ทยอยกันกลับบ้าน รวมถึงเราด้วย แหะๆ
สรุปเทรนเลยแล้วกันเนอะ พบว่ามีเนื้อหาที่คล้ายๆกัน ดังนี้
- รถจะเบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า หรือระยะห่างประชิดมาก
- เน้นการลดอุบัติเหตุให้เป็น 0
- เน้นช่วยคนขับรถให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด เน้นความปลอดภัย ไม่ได้มาแทนที่คนขับนะ
- ในไทยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเยอะ ดูช่วงปีใหม่ สงกรานต์ ได้เลย แต่ยังไงเราก็ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสุดหรูได้ขนาดนั้น เลยมีทางแก้ที่เสียเงินน้อยกว่า อย่างของเนคเทค
ปล. ถ้าเจอวิดีโอที่เกี่ยวข้อง จะ update ให้ทีหลังนะ อาจจะลงแยกที่ google + นะ
ป้ายกำกับ: event, seminar